การปลูกต้นไม้อาจจะแล้วแต่ความชอบของแต่ละคน บ้างก็ชอบปลูกต้นไม้ที่ให้ดอกสวยงาม บ้างก็ชอบปลูกต้นไม้ที่ให้ผลไว้รับประทานกัน แต่ก็ยังมีคนที่สนใจปลูกต้นไม้ในแบบเพื่อความสวยงามและมีมนต์ขลัง อ่อนช้อยแต่แข็งแกร่งในเวลาเดียวกันอย่างการปลูกบอนไซของชาวญี่ปุ่นอีกด้วย
อย่างที่ทราบกันว่าชาวญี่ปุ่นมีการสอดแทรกศิลปะความงามไว้ในทั้งตัวบุคคล อาหารการกิน ข้าวของเครื่องใช้ ยังรวมไปถึงต้นไม้อย่างบอนไซอีกด้วยค่ะ ที่กล่าวอย่างนั้นก็เพราะการปลูกบอนไซในกระถางนั้นจัดเป็นกึ่งงานศิลปะอีกแขนงหนึ่งของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ โดยการปลูกบอนไซน้อยๆ นี้เริ่มต้นขึ้นในยุคสมัยเฮอัน ซึ่งมีการนำเข้ามาจากประเทศจีนในยุคสมัยราชวงศ์ถัง จากนั้นก็เริ่มได้รับความนิยมกันอย่างมากในกลุ่มชนชั้นสูงและกลุ่มของซามูไร จากนั้นในยุคสมัยคามาคุระ การปลูกบอนไซจึงนิยมทำกันเป็นงานอดิเรก และเมื่อล่วงเข้าสู่ยุคสมัยเอโดะนั้นเองที่การปลูกบอนไซและศิลปะการแต่งสวนต่างๆ เป็นที่นิยมมากขึ้น จัดว่ายุคสมัยเอโดะเป็นยุคเฟื่องฟูของบอนไซเลยละค่ะ
ทว่าในยุคสมัยเมจิ ความสนใจในบอนไซได้ลดน้อยลง หลงเหลือไว้เพียงกลุ่มคนที่มีใจรักจริงๆ เท่านั้น เพราะการเลี้ยงบอนไซเป็นงานที่ต้องอาศัยความใจเย็น พิถีพิถัน เฝ้ามองดูการเจริญเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป เป็นการเฝ้าดูความอ่อนช้อยที่แข็งแกร่ง จึงอาจจะไม่ได้เหมาะกับรูปแบบการใช้ชีวิตของใครบางคนไปบ้าง จนสุดท้ายกลุ่มคนส่วนใหญ่ที่มีความสนใจในการปลูกบอนไซจึงเป็นคนในช่วงอายุสูงวัยแล้วที่มีเวลามากพอในการเฝ้ามองความสวยงามของบอนไซนั่นเองค่ะ หลังจากนั้นมาในช่วงปี 1990 บอนไซจึงเริ่มเป็นที่นิยมในกลุ่มของชาวต่างชาติ และประชาชนจากทั่วทุกมุมโลกที่สนใจปลูกบอนไซ นั่นจึงเป็นเหตุที่ทำให้ชาวญี่ปุ่นให้ความสนใจกับบอนไซค่ะ
โดยศาสตร์ของการปลูกบอนไซนั้นคือ การที่เราลงมือปลูกบอนไซในกระถาง ไม่ว่าจะเป็นกระถางขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ จากนั้นก็เฝ้ามองและสังเกต พลางพิจารณาถึงความสวยงามของบอนไซที่อยู่ในกระถางรูปทรงต่างๆ แล้วแต่ความชอบของผู้ที่ปลูก ซึ่งบอนไซสำหรับชาวญี่ปุ่นที่นิยมนำมาปลูก ได้แก่ พันธุ์ต้นสนต่างๆ ต้นสนเกี๊ยะ ต้นสนดำ หรือจะไม้พุ่มเตี้ยอย่างตระกูลต้นฮอลลี่ ต้นพลับ ต้นซากุระ ต้นไผ่ และอื่นๆ โดยเมื่อได้ต้นไม้ที่ต้องการจะปลูกแล้ว ขั้นตอนแรกคือการย้ายต้นไม้ไปยังกระถางสำหรับปลูกบอนไซโดยเฉพาะ โดยที่เราจะต้องเลือกกระถางให้เหมาะกับต้นไม้ที่นำมาปลูกค่ะ ซึ่งขนาดของกระถางก็ควรจะอยู่ที่ 1 ใน 3 ของขนาดต้นไม้
นอกจากขนาดของกระถางแล้ววัสดุที่ใช้ทำกระถางควรเป็นเนื้อดินเผา ที่ภายในของกระถางไม่เคลือบสารใดทั้งสิ้นค่ะ ส่วนในเรื่องรูปทรงและสีสันของกระถางนั้นก็ขึ้นอยู่กับต้นไม้ที่จะปลูกนั่นเองค่ะ จากนั้นเมื่อปลูกเสร็จแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการดูแลบอนไซน้อยๆ ในกระถางใบงามของเราค่ะ โดยจะต้องวางบอนไซไว้ในที่ที่แสงแดดส่องถึงได้เป็นอย่างดี ในส่วนของการรดน้ำนั้นจัดเป็นงานยากสำหรับการรดน้ำบอนไซเลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะถ้าเราให้น้ำน้อยไปบอนไซจะแห้งเหี่ยว ให้น้ำมากไปก็จะเน่าตาย ฉะนั้นจึงต้องระวังอย่าให้ดินแห้งเกินไป หรืออย่าให้น้ำมากเกินไปจนท่วมนะคะ และอีกหนึ่งงานที่คนเลี้ยงบอนไซถือเป็นหัวใจของการปลูกบอนไซ นั่นก็คือ การตัดราก แต่งกิ่งค่ะ ซึ่งหากใครทำได้ครบและดีจะทำให้ต้นบอนไซที่ได้รับการเลี้ยงดูแข็งแรงและสวยงามมากเลยค่ะ
สำหรับคนที่อยากทำความรู้จักกับบอนไซกันก่อนและค่อยหาไปปลูกแล้วละก็ และหากประจวบเหมาะได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น เราขอแนะนำให้ไปที่ พิพิธภัณฑ์โอมิยะบอนไซ(Omiya Bonsai Art Museum) ณ เมืองไซตามะ ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดตัวขึ้นเมื่อปี 2010 เรียกได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะบอนไซที่จัดตั้งโดยรัฐเป็นแห่งแรกของโลก พิพิธภัณฑ์แห่งนี้คือแหล่งที่รวบรวมสวนบอนไซเอาไว้มากกว่าสิบที่ มีการจัดตั้งบอนไซประมาณ 60 ต้น โดยจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปตามแต่ช่วงฤดูกาล และนอกจากการจัดแสดงและสาธิตวิธีการปลูกบอนไซ รวมไปถึงการแสดงคอลเล็กชั่นบอนไซให้เราได้ขมกันอีกด้วยค่ะ โดยทางเจ้าของสวนและรัฐบาลท้องถิ่นของประเทศญี่ปุ่นได้รวมตัวกันและตั้งฉายาให้บริเวณนี้มีชื่อว่า ตำบลบอนไซ (Bonsai-cho) อีกด้วย
หากใครยังไม่เต็มอิ่มละก็ เรามีอีกหนึ่งที่ค่ะนั่นคือ พิพิธภัณฑ์บอนไซชุนคะเอ็น (Shunka-en Bonsai Museum) พิพิธภัณฑ์ศิลปะบอนไซตั้งอยู่ในเขตเอโดงาวะ กรุงโตเกียว ที่สร้างขึ้นในปี 2002 สำหรับที่นี่ผู้ที่สนใจสามารถสัมผัสกับความอัศจรรย์ของต้นบอนไซได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า โดยที่ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีการจัดแสดงต้นบอนไซมากกว่า 1,000 ต้น และมีพันธุ์ไม้ บอนไซแบบต่างๆ เอาไว้มากมาย ที่มีรูปร่างสวยงามเรียงรายกันเป็นจำนวนมากในสวนแบบญี่ปุ่น และถ้าหากเกิดถูกใจขึ้นมาละก็สามารถซื้อติดมือกลับบ้านไปได้ด้วยค่ะ
นอกจากบอนไซแล้วยังมีสระน้ำปลาคาร์ป มุมแสดงบ้านแบบญี่ปุ่นที่โอ่อ่า และสำหรับใครที่อยากจะรู้ลึกเรื่องบนไซที่นี่ก็มีชั้นเรียนรู้การปลูกบอนไซ ซึ่งสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ โดยอาจต้องจองล่วงหน้าสามวันนะคะ และเมื่อได้เรียนรู้จบแล้วต้นบอนไซในกิจกรรมนี้ เราๆ ท่านๆ สามารถนำบอนไซที่ทำเสร็จแล้วกลับบ้านได้ด้วยนะคะ โดยต้องบอกกันก่อนค่ะว่าในการเรียนมีค่าใช้จ่ายตามที่ทางพิพิธภัณฑ์กำหนดไว้ด้วยนะคะ แต่รับรองว่าคุ้มค่าค่ะ
สำหรับการปลูกบอนไซนั้นถือว่านอกจากการปลูกแล้ว เราอาจจะต้องเสริมเติมการพิจารณาความงามของต้นบอนไซ ที่เราได้ปลูกลงในกระถางเอาไว้ ด้วยการเฝ้าดูความเจริญเติบโตของกิ่งก้าน รูปทรงใบไม้ของต้นบอนไซ ยังรวมไปถึงรูปทรงกระถางอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นการปลูกบอนไซแล้วยังได้งานศิลปะจากฝีมือเราเองด้วย อย่างไรก็ตามหากใครสนใจการปลูกบอนไซแล้วละก็ แนะนำพิพิธภัณฑ์ทั้งสองแห่งนี้ให้ลองไปเยี่ยมกันสักครั้ง เพราะสวยทางบรรยากาศและสถานที่จริงๆ ค่ะ
ข้อมูลจาก
https://www.hokurikuandtokyo.org/spot_1/?language=th
https://www.jnto.or.th/newsletter/bonsai/
อย่างที่ทราบกันว่าชาวญี่ปุ่นมีการสอดแทรกศิลปะความงามไว้ในทั้งตัวบุคคล อาหารการกิน ข้าวของเครื่องใช้ ยังรวมไปถึงต้นไม้อย่างบอนไซอีกด้วยค่ะ ที่กล่าวอย่างนั้นก็เพราะการปลูกบอนไซในกระถางนั้นจัดเป็นกึ่งงานศิลปะอีกแขนงหนึ่งของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ โดยการปลูกบอนไซน้อยๆ นี้เริ่มต้นขึ้นในยุคสมัยเฮอัน ซึ่งมีการนำเข้ามาจากประเทศจีนในยุคสมัยราชวงศ์ถัง จากนั้นก็เริ่มได้รับความนิยมกันอย่างมากในกลุ่มชนชั้นสูงและกลุ่มของซามูไร จากนั้นในยุคสมัยคามาคุระ การปลูกบอนไซจึงนิยมทำกันเป็นงานอดิเรก และเมื่อล่วงเข้าสู่ยุคสมัยเอโดะนั้นเองที่การปลูกบอนไซและศิลปะการแต่งสวนต่างๆ เป็นที่นิยมมากขึ้น จัดว่ายุคสมัยเอโดะเป็นยุคเฟื่องฟูของบอนไซเลยละค่ะ
ทว่าในยุคสมัยเมจิ ความสนใจในบอนไซได้ลดน้อยลง หลงเหลือไว้เพียงกลุ่มคนที่มีใจรักจริงๆ เท่านั้น เพราะการเลี้ยงบอนไซเป็นงานที่ต้องอาศัยความใจเย็น พิถีพิถัน เฝ้ามองดูการเจริญเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป เป็นการเฝ้าดูความอ่อนช้อยที่แข็งแกร่ง จึงอาจจะไม่ได้เหมาะกับรูปแบบการใช้ชีวิตของใครบางคนไปบ้าง จนสุดท้ายกลุ่มคนส่วนใหญ่ที่มีความสนใจในการปลูกบอนไซจึงเป็นคนในช่วงอายุสูงวัยแล้วที่มีเวลามากพอในการเฝ้ามองความสวยงามของบอนไซนั่นเองค่ะ หลังจากนั้นมาในช่วงปี 1990 บอนไซจึงเริ่มเป็นที่นิยมในกลุ่มของชาวต่างชาติ และประชาชนจากทั่วทุกมุมโลกที่สนใจปลูกบอนไซ นั่นจึงเป็นเหตุที่ทำให้ชาวญี่ปุ่นให้ความสนใจกับบอนไซค่ะ
โดยศาสตร์ของการปลูกบอนไซนั้นคือ การที่เราลงมือปลูกบอนไซในกระถาง ไม่ว่าจะเป็นกระถางขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ จากนั้นก็เฝ้ามองและสังเกต พลางพิจารณาถึงความสวยงามของบอนไซที่อยู่ในกระถางรูปทรงต่างๆ แล้วแต่ความชอบของผู้ที่ปลูก ซึ่งบอนไซสำหรับชาวญี่ปุ่นที่นิยมนำมาปลูก ได้แก่ พันธุ์ต้นสนต่างๆ ต้นสนเกี๊ยะ ต้นสนดำ หรือจะไม้พุ่มเตี้ยอย่างตระกูลต้นฮอลลี่ ต้นพลับ ต้นซากุระ ต้นไผ่ และอื่นๆ โดยเมื่อได้ต้นไม้ที่ต้องการจะปลูกแล้ว ขั้นตอนแรกคือการย้ายต้นไม้ไปยังกระถางสำหรับปลูกบอนไซโดยเฉพาะ โดยที่เราจะต้องเลือกกระถางให้เหมาะกับต้นไม้ที่นำมาปลูกค่ะ ซึ่งขนาดของกระถางก็ควรจะอยู่ที่ 1 ใน 3 ของขนาดต้นไม้
นอกจากขนาดของกระถางแล้ววัสดุที่ใช้ทำกระถางควรเป็นเนื้อดินเผา ที่ภายในของกระถางไม่เคลือบสารใดทั้งสิ้นค่ะ ส่วนในเรื่องรูปทรงและสีสันของกระถางนั้นก็ขึ้นอยู่กับต้นไม้ที่จะปลูกนั่นเองค่ะ จากนั้นเมื่อปลูกเสร็จแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการดูแลบอนไซน้อยๆ ในกระถางใบงามของเราค่ะ โดยจะต้องวางบอนไซไว้ในที่ที่แสงแดดส่องถึงได้เป็นอย่างดี ในส่วนของการรดน้ำนั้นจัดเป็นงานยากสำหรับการรดน้ำบอนไซเลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะถ้าเราให้น้ำน้อยไปบอนไซจะแห้งเหี่ยว ให้น้ำมากไปก็จะเน่าตาย ฉะนั้นจึงต้องระวังอย่าให้ดินแห้งเกินไป หรืออย่าให้น้ำมากเกินไปจนท่วมนะคะ และอีกหนึ่งงานที่คนเลี้ยงบอนไซถือเป็นหัวใจของการปลูกบอนไซ นั่นก็คือ การตัดราก แต่งกิ่งค่ะ ซึ่งหากใครทำได้ครบและดีจะทำให้ต้นบอนไซที่ได้รับการเลี้ยงดูแข็งแรงและสวยงามมากเลยค่ะ
สำหรับคนที่อยากทำความรู้จักกับบอนไซกันก่อนและค่อยหาไปปลูกแล้วละก็ และหากประจวบเหมาะได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น เราขอแนะนำให้ไปที่ พิพิธภัณฑ์โอมิยะบอนไซ(Omiya Bonsai Art Museum) ณ เมืองไซตามะ ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดตัวขึ้นเมื่อปี 2010 เรียกได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะบอนไซที่จัดตั้งโดยรัฐเป็นแห่งแรกของโลก พิพิธภัณฑ์แห่งนี้คือแหล่งที่รวบรวมสวนบอนไซเอาไว้มากกว่าสิบที่ มีการจัดตั้งบอนไซประมาณ 60 ต้น โดยจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปตามแต่ช่วงฤดูกาล และนอกจากการจัดแสดงและสาธิตวิธีการปลูกบอนไซ รวมไปถึงการแสดงคอลเล็กชั่นบอนไซให้เราได้ขมกันอีกด้วยค่ะ โดยทางเจ้าของสวนและรัฐบาลท้องถิ่นของประเทศญี่ปุ่นได้รวมตัวกันและตั้งฉายาให้บริเวณนี้มีชื่อว่า ตำบลบอนไซ (Bonsai-cho) อีกด้วย
หากใครยังไม่เต็มอิ่มละก็ เรามีอีกหนึ่งที่ค่ะนั่นคือ พิพิธภัณฑ์บอนไซชุนคะเอ็น (Shunka-en Bonsai Museum) พิพิธภัณฑ์ศิลปะบอนไซตั้งอยู่ในเขตเอโดงาวะ กรุงโตเกียว ที่สร้างขึ้นในปี 2002 สำหรับที่นี่ผู้ที่สนใจสามารถสัมผัสกับความอัศจรรย์ของต้นบอนไซได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า โดยที่ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีการจัดแสดงต้นบอนไซมากกว่า 1,000 ต้น และมีพันธุ์ไม้ บอนไซแบบต่างๆ เอาไว้มากมาย ที่มีรูปร่างสวยงามเรียงรายกันเป็นจำนวนมากในสวนแบบญี่ปุ่น และถ้าหากเกิดถูกใจขึ้นมาละก็สามารถซื้อติดมือกลับบ้านไปได้ด้วยค่ะ
นอกจากบอนไซแล้วยังมีสระน้ำปลาคาร์ป มุมแสดงบ้านแบบญี่ปุ่นที่โอ่อ่า และสำหรับใครที่อยากจะรู้ลึกเรื่องบนไซที่นี่ก็มีชั้นเรียนรู้การปลูกบอนไซ ซึ่งสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ โดยอาจต้องจองล่วงหน้าสามวันนะคะ และเมื่อได้เรียนรู้จบแล้วต้นบอนไซในกิจกรรมนี้ เราๆ ท่านๆ สามารถนำบอนไซที่ทำเสร็จแล้วกลับบ้านได้ด้วยนะคะ โดยต้องบอกกันก่อนค่ะว่าในการเรียนมีค่าใช้จ่ายตามที่ทางพิพิธภัณฑ์กำหนดไว้ด้วยนะคะ แต่รับรองว่าคุ้มค่าค่ะ
สำหรับการปลูกบอนไซนั้นถือว่านอกจากการปลูกแล้ว เราอาจจะต้องเสริมเติมการพิจารณาความงามของต้นบอนไซ ที่เราได้ปลูกลงในกระถางเอาไว้ ด้วยการเฝ้าดูความเจริญเติบโตของกิ่งก้าน รูปทรงใบไม้ของต้นบอนไซ ยังรวมไปถึงรูปทรงกระถางอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นการปลูกบอนไซแล้วยังได้งานศิลปะจากฝีมือเราเองด้วย อย่างไรก็ตามหากใครสนใจการปลูกบอนไซแล้วละก็ แนะนำพิพิธภัณฑ์ทั้งสองแห่งนี้ให้ลองไปเยี่ยมกันสักครั้ง เพราะสวยทางบรรยากาศและสถานที่จริงๆ ค่ะ
ข้อมูลจาก
https://www.hokurikuandtokyo.org/spot_1/?language=th
https://www.jnto.or.th/newsletter/bonsai/