ล็อคเกอร์ฝากกระเป๋า (Coin Locker) คือตู้รับฝากกระเป๋าอัตโนมัติ โดยจะมีทั้งแบบกุญแจและแบบดิจิตอล (ใช้กระดาษที่มี QR Code หรือ Pin) ในการเปิดตู้ สำหรับการชำระเงิน สามารถจ่ายเงินสดโดยใส่ไปในช่องใส่เงิน และสามารถใช้ Card ชนิดต่าง ๆ ที่ผลิตขึ้นภายในประเทศญี่ปุ่น (เช่น Suica หรือ Pasmo) ในการชำระเงินได้ด้วยนะคะ
ส่วนใหญ่ล็อคเกอร์ฝากกระเป๋าจะมีตามสถานีรถไฟฟ้า, รถไฟใต้ดิน ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ สำหรับนักท่องเที่ยวนับได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง เพราะจะทำให้เราสะดวก สบาย เที่ยวได้โดยไม่ต้องแบกกระเป๋าไปด้วย โดยจะมีหลายขนาดให้เราเลือก ตามขนาดสัมภาระของเรา ราคาก็ขึ้นอยู่กับขนาดของล็อคเกอร์ที่เราเลือกใช้ คิดราคาต่อวัน ฝากกระเป๋าได้นานสุด 3 วัน
สามารถหาล็อคเกอร์ฝากกระเป๋าได้ตามสถานีใหญ่ๆ เช่น โตเกียว, ชินจุกุ, เกียวโต, โอซาก้า เป็นต้น ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นตู้แบบดิจิตอลและค่อนข้างมีตู้บริการเยอะพอสมควร มีให้เลือกหลายขนาด แต่ถ้ามีของเยอะ ต้องการใช้ตู้ใหญ่ แนะนำว่าให้ไปแต่เช้า เพราะถึงแม้ว่าตู้จะมีบริการไว้เยอะก็จริง แต่นักท่องเที่ยวที่ต้องการใช้ตู้ก็มีเยอะเช่นกัน ถ้าเราไปช้าตู้อาจจะเต็มได้นะจ๊ะ
เหตุผลที่ใช้ล็อคเกอร์ฝากกระเป๋า ตัวอย่าง (จากประสบการณ์ตรงของเรา) ดังนี้
จะลากสัมภาระทั้งหมดนี้ไปเที่ยวด้วยก็คงไม่ไหว ดังนั้นวิธีที่ง่ายและสะดวกที่สุดคือใช้ล็อคเกอร์ฝากกระเป๋าค่าาา เอาแค่ของจำเป็นติดตัวไปก็พอ จะได้เที่ยวได้อย่างสบายตัว สบายใจ
การใช้ล็อคเกอร์ฝากกระเป๋า (Coin Locker) แบบดิจิตอล
วิธีนำสัมภาระเข้าตู้
วิธีนำสัมภาระออกจากตู้
มองหาตู้ที่มีไฟสีเขียว (เนื่องจากกระเป๋าเดินทางเราใหญ่มาก จึงต้องใช้ตู้ที่ใหญ่ที่สุด ก็ยังใส่ไม่พอ จึงต้องใช้ 2-3 ตู้ค่ะ)
ใส่กระเป๋าเข้าไปในตู้แล้วเดินไปที่หน้าจออัตโนมัติ (สีแดงคือ Lock / สีเขียว Put in)
เมื่อใส่กระเป๋าเข้าไปในตู้เรียบร้อยแล้ว ก็เดินมาที่หน้าจออัตโนมัติ ทำตามขั้นตอน
เริ่มต้นจะเป็นภาษาญี่ปุ่นให้เลือกเปลี่ยนภาษา
จากนั้นหน้าจอก็จะแสดงหมายเลขตู้ที่เราใช้ และก็จะแสดงราคาค่าบริการค่ะ (เราเลือกชำระแบบเงินสดนะคะ)
เรียบร้อยรอรับใบเสร็จค่ะ เก็บรักษาดีๆนะคะ ใบนี้ต้องใช้ตอนเปิดตู้เอาของออกค่ะ (เหมือนเป็นกุญแจนั้นเอง)
จำบริเวณล็อคเกอร์ที่ใช้ให้ดีๆ นะคะ เพราะตอนมาเอาอาจจะหลงหาไม่เจอได้ เพราะมีเยอะพอสมควร แนะนำว่าให้ถ่ายรูปบริเวณใกล้เคียงไว้ก็ได้นะคะ กันพลาด
สุดท้ายนี้ลาไปด้วย ตัวอย่างล็อคเกอร์ฝากกระเป๋าด้านหน้าบริเวณสถานที่ท่องเที่ยวค่ะ บางที่ก็อาจจะเป็นตู้กุญแจธรรมดา ราคาก็จะถูกกว่าด้วยค่ะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ
ส่วนใหญ่ล็อคเกอร์ฝากกระเป๋าจะมีตามสถานีรถไฟฟ้า, รถไฟใต้ดิน ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ สำหรับนักท่องเที่ยวนับได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง เพราะจะทำให้เราสะดวก สบาย เที่ยวได้โดยไม่ต้องแบกกระเป๋าไปด้วย โดยจะมีหลายขนาดให้เราเลือก ตามขนาดสัมภาระของเรา ราคาก็ขึ้นอยู่กับขนาดของล็อคเกอร์ที่เราเลือกใช้ คิดราคาต่อวัน ฝากกระเป๋าได้นานสุด 3 วัน
สามารถหาล็อคเกอร์ฝากกระเป๋าได้ตามสถานีใหญ่ๆ เช่น โตเกียว, ชินจุกุ, เกียวโต, โอซาก้า เป็นต้น ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นตู้แบบดิจิตอลและค่อนข้างมีตู้บริการเยอะพอสมควร มีให้เลือกหลายขนาด แต่ถ้ามีของเยอะ ต้องการใช้ตู้ใหญ่ แนะนำว่าให้ไปแต่เช้า เพราะถึงแม้ว่าตู้จะมีบริการไว้เยอะก็จริง แต่นักท่องเที่ยวที่ต้องการใช้ตู้ก็มีเยอะเช่นกัน ถ้าเราไปช้าตู้อาจจะเต็มได้นะจ๊ะ
เหตุผลที่ใช้ล็อคเกอร์ฝากกระเป๋า ตัวอย่าง (จากประสบการณ์ตรงของเรา) ดังนี้
- แพลนเราเที่ยวโตเกียว 8 วัน โดยวันที่ 3 ต้องการจะไปพักที่ฟูจิ 1 คืน แล้ววันที่ 4 จะกลับมาพักที่โรงแรมเดิมในโตเกียว แต่ว่าโรงแรมที่เราพัก ไม่รับฝากกระเป๋าข้ามคืน เราจึงต้องลากกระเป๋าใบใหญ่ไปฝากไว้ที่ล็อคเกอร์ฝากกระเป๋า (โรงแรมที่ญีปุ่นบางที่ไม่รับฝากกระเป๋าข้ามคืน)
- แพลนเที่ยวเกียวโต 1 วัน โดย Check - out ออกจากโรงแรมแต่เช้า จึงต้องนำกระเป๋ามาฝากไว้ที่ล็อคเกอร์จะได้ไม่เสียเวลากลับไปเอาที่โรงแรม
จะลากสัมภาระทั้งหมดนี้ไปเที่ยวด้วยก็คงไม่ไหว ดังนั้นวิธีที่ง่ายและสะดวกที่สุดคือใช้ล็อคเกอร์ฝากกระเป๋าค่าาา เอาแค่ของจำเป็นติดตัวไปก็พอ จะได้เที่ยวได้อย่างสบายตัว สบายใจ
การใช้ล็อคเกอร์ฝากกระเป๋า (Coin Locker) แบบดิจิตอล
วิธีนำสัมภาระเข้าตู้
- เริ่มต้นจากการมองหาตู้มีที่ไฟสีเขียว (แปลว่าตู้นั้นว่าง)
- เลือกขนาดตู้ที่เหมาะกับสัมภาระของตนเอง แล้วใส่เข้าไปในตู้ (สำรวจให้ดีว่าไม่ลืมอะไรนะคะ)
- แตะที่หน้าจอเลือกเปลี่ยนเมนูเป็นภาษาอังกฤษ หน้าจอจะโชว์รูปตู้ที่เราเพิ่งเอาของใส่เข้าไป ถ้าไม่โชว์ให้เลือก Put in the Bag แล้วพิมพ์หมายเลขตู้ลงไปค่ะ
- เลือกวิธีชำระเงิน เลือกแบบ IC Suica (หรือบัตรประเภทอื่น ๆ ของญี่ปุ่น) เงินสดก็ได้นะคะ
- รอรับใบเสร็จรับเงินที่จะมีรหัส QR Code หรือ Pin เก็บดีๆ นะคะ เพราะต้องใช้เปิดตู้ตอนมาเอาของออก (กรณีชำระแบบเงินสด) ถ้าชำระด้วยด้วย IC Suica หรือบัตรอื่นๆ ไม่ต้องรอรับใบเสร็จค่ะ
วิธีนำสัมภาระออกจากตู้
- กดที่หน้าจอ เปลี่ยนเป็นเมนูภาษาอังกฤษ แล้วเลือก Take out the bag
- สแกน QR Code หรือเลือกปุ่ม Suica แล้วจึงแตะบัตร
- ประตูจะเปิดออกและสามารถนำของออกจากตู้ได้เลยค่ะ
มองหาตู้ที่มีไฟสีเขียว (เนื่องจากกระเป๋าเดินทางเราใหญ่มาก จึงต้องใช้ตู้ที่ใหญ่ที่สุด ก็ยังใส่ไม่พอ จึงต้องใช้ 2-3 ตู้ค่ะ)
ใส่กระเป๋าเข้าไปในตู้แล้วเดินไปที่หน้าจออัตโนมัติ (สีแดงคือ Lock / สีเขียว Put in)
เมื่อใส่กระเป๋าเข้าไปในตู้เรียบร้อยแล้ว ก็เดินมาที่หน้าจออัตโนมัติ ทำตามขั้นตอน
เริ่มต้นจะเป็นภาษาญี่ปุ่นให้เลือกเปลี่ยนภาษา
จากนั้นหน้าจอก็จะแสดงหมายเลขตู้ที่เราใช้ และก็จะแสดงราคาค่าบริการค่ะ (เราเลือกชำระแบบเงินสดนะคะ)
เรียบร้อยรอรับใบเสร็จค่ะ เก็บรักษาดีๆนะคะ ใบนี้ต้องใช้ตอนเปิดตู้เอาของออกค่ะ (เหมือนเป็นกุญแจนั้นเอง)
จำบริเวณล็อคเกอร์ที่ใช้ให้ดีๆ นะคะ เพราะตอนมาเอาอาจจะหลงหาไม่เจอได้ เพราะมีเยอะพอสมควร แนะนำว่าให้ถ่ายรูปบริเวณใกล้เคียงไว้ก็ได้นะคะ กันพลาด
สุดท้ายนี้ลาไปด้วย ตัวอย่างล็อคเกอร์ฝากกระเป๋าด้านหน้าบริเวณสถานที่ท่องเที่ยวค่ะ บางที่ก็อาจจะเป็นตู้กุญแจธรรมดา ราคาก็จะถูกกว่าด้วยค่ะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ