เมืองท่องเที่ยวที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติและวิวทิวทัศน์ที่สวยงามเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ เมืองแห่งนั้นก็คือ เมืองโคฟุ เมืองน้อย ๆ ที่ซุกซ่อนตัวอยู่ในภูมิภาคคันโต และวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับเมืองโคฟุกันค่ะ เมืองโคฟุ (Kofu) หรือบ้านของภูเขาไฟฟูจิแห่งนี้ เป็นเมืองที่อยู่ใจกลางจังหวัดยามานาชิ อดีตเมืองสำคัญที่รุ่งเรืองซึ่งเป็นทั้งศูนย์กลางของการเมืองการปกครอง วัฒนธรรม และการขนส่งคมนาคมในสมัยเซนโกกุ
และเป็นเมืองที่มีประวัติความเกี่ยวข้องกับไดเมียวคนสำคัญอย่างทาเคดะ ชินเก็น ที่ในเวลาต่อมาได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลทาเคดะ และได้รับการยกย่องว่าเป็นไดเมียวผู้ยิ่งใหญ่และกล้าหาญที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ปัจจุบันนี้ นอกจากเมืองโคฟุจะเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ ประวัติศาสตร์ และอุตสาหกรรมของจังหวัดยามานาชิแล้ว ยังเป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติอันสวยงามอีกด้วย
เรามาสตาร์ททริปเที่ยวเมืองโคฟุกันที่หุบเขาโชเซนเคียว (Shosenkyo Gorge) หรือมิตาเกะโชเซนเคียว (Mitake Shosenkyo) หุบเขาที่สวยที่สุดในประเทศญี่ปุ่น และเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติจิจิบุทามะไค (Chichibu Tama Kai National Park) ที่มีพื้นที่ของป่ากว่า 1,250 ตารางกิโลเมตร ซึ่งครอบคลุมจังหวัดยามานาชิ ไซตามะ นากาโนะ และโตเกียว โดยมีธรรมชาติที่ผลัดเปลี่ยนกันแต่งแต้มสีสันตามฤดูกาลให้กับหุบเขาแห่งนี้ หรือหากใครชอบการท่องเที่ยวแนวผจญภัย ที่เมืองโคฟุก็มีกิจกรรมไต่ผาตามเส้นทางที่จะนำไปสู่น้ำตกเซนกาทากิ (Sengataki Waterfall) ซึ่งน้ำตกแห่งนี้ถูกจัดเป็น 1 ใน 100 น้ำตกที่สวยที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ด้วยความสูง 31 เมตร โดยที่ด้านบนของน้ำตกจะมีหมู่บ้านเล็ก ๆ ร้านค้า และร้านอาหารต่าง ๆ ไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วยค่ะ เรียกว่าหลังจากผจญภัยกันแล้วก็สามารถพักให้หายเหนื่อยกันก่อนที่จะไปเที่ยวต่อเลยละค่ะ
และเมื่อหายเหนื่อยกันแล้ว เราก็ไปเดินเที่ยวกันที่วัดไคเซนโคจิ (Kai Zenkoji Temple) วัดแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ เพราะเป็นวัดพุทธ นิกายโจโด ที่มีต้นแบบมาจากวัดเซนโคจิของจังหวัดนากาโนะ โดยระหว่างทางเดินเข้ามาในวัดจะพบการจัดสวนญี่ปุ่น มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่อยู่ในสวน และมีการตั้งตุ๊กตาจิโซะ (Jizo) ตุ๊กตาหินตัวเล็ก หน้าตาคล้ายเด็กเอาไว้
จากนั้นเดินต่อเข้ามาหน้าวัดก็จะพบกับเทมิซุยะ (Temizuya) ศาลาที่ตั้งบ่อน้ำเล็ก ๆ สำหรับล้างมือล้างไม้ ล้างปาก ทำความสะอาดกันก่อนที่จะเข้าไปด้านในของวัดค่ะ และเมื่อก้าวเข้ามาในวัดจะพบกับโบสถ์สีแดงหลังใหญ่ตั้งอยู่กลางวัด ตัวโบสถ์เป็นไม้ทั้งหลัง ซึ่งโบสถ์ไม้สีแดงนี้จัดเป็นโบสถ์ไม้ที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกของประเทศญี่ปุ่นด้วยนะคะ สวยงามตระการตาจริง ๆ ค่ะ
โดยที่ภายในวัดแห่งนี้มีเรื่องที่ไม่ธรรมดาซ่อนอยู่ค่ะ โดยเริ่มกันที่ภาพของมังกรตัวใหญ่ที่ถูกวาดอยู่บนเพดานของโบสถ์ค่ะ เพราะไม่ว่าเราจะเดินไปทางไหน ก็เหมือนกับว่ามังกรในภาพนั้นกำลังจ้องมองเราอยู่ค่ะ แบบนี้ต้องเรียกว่าอาจจะได้สัมผัสพลังงานบางอย่างในวัดแห่งนี้ก็ได้นะคะ
และอีกหนึ่งความไม่ธรรมดาของที่นี่ก็คือ ห้องมืดค่ะ ซึ่งห้องมืดนี้มืดชนิดที่ว่าแม้ลืมตาอยู่ก็เหมือนเราหลับตาอยู่ค่ะ โดยเวลาเดินฝ่าความมืดเราใช้ได้เพียงแค่มือคลำไปที่กำแพงจนกว่าเราจะพบทางออกค่ะ เป็นการเปรียบกับว่าเราเอาชนะความกลัวและเรื่องเลวร้ายต่าง ๆ ไปได้นั่นเองค่ะ เป็นการเที่ยววัดที่น่าสนใจและตื่นเต้นในเวลาเดียวกันเลยค่ะ
หลังจากไหว้พระและเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันไปแล้ว เราไปเดินเที่ยวชิล ๆ กันที่สวนปราสาทไมซุรุ (Mizuru Castle Park) ที่มีอายุกว่า 400 ปี อดีตที่ตั้งของปราสาทโคฟุซึ่งสร้างขึ้นเมื่อตอนปลายศตวรรษที่ 16 แต่ในเวลาต่อมาหลังจากการล่มสลายของตระกูลทาเคดะ ก็ได้เปิดให้คนทั่วไปและนักท่องเที่ยวได้เข้าชมซากปราสาทโคฟุที่ยังคงหลงเหลืออยู่ได้ โดยมีการจัดโซนสวนสาธารณะให้เป็นแหล่งการเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และเป็นสถานที่ให้ได้พักผ่อนหย่อนใจของทุกคนด้วยค่ะ
เที่ยวกันมาจนล้าแล้ว ตอนนี้เรามาพักเหนื่อย หาของเติมพลังกันดีกว่าค่ะ กับเมนู โคฟุโทริโมะสึนิ (Kofu Torimotsuni) อาหารพื้นเมืองขึ้นชื่อของเมืองโคฟุ โดยโคฟุโทริโมะสึนินี้ทำจากเครื่องในไก่ตุ๋นในน้ำซอยโชยุ น้ำซอยจะแทรกซึมเข้าเครื่องในไก่ จนทำให้เนื้อนุ่มละมุนลิ้นและให้รสหวานเข้มข้นอร่อย
และใครที่ชอบกินเส้น ขอแนะนำบะหมี่โฮโตะ อีกหนึ่งอาหารพื้นเมืองของจังหวัดยามานาชิที่หารับประทานได้แทบทุกเมือง ที่ทำจากเส้นอุด้งหนา มาพร้อมกับผักตามฤดูกาลนานาชนิดในน้ำซุปเต้าเจี้ยว และเพิ่มความฟินให้กับมื้ออาหาร ขอแนะนำเหล้าพื้นเมืองของเมืองโคฟุ ที่ใช้น้ำแร่คุณภาพดีของเมืองในการกลั่นทำเหล้าสาเกญี่ปุ่นทำให้ได้รสชาติเยี่ยม
หรือจะเพิ่มดีกรีความหรูหราให้งานดื่มขึ้นมาอีกหน่อย ก็ต้องไวน์ค่ะ เพราะที่เมืองโคฟุแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่ปลูกองุ่น และได้ผลผลิตที่มีคุณภาพจำนวนมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น จึงทำให้เมืองโคฟุมีโรงกลั่นไวน์อยู่เป็นจำนวนมาก โดยโรงกลั่นไวน์แต่ละแห่งจะมีโซนร้านอาหารที่ตกแต่งและเมนูอาหารในสไตล์ยุโรป ที่ทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกเหมือนอยู่ที่ยุโรปเลยละค่ะ
รูปภาพจาก : koo-fu.com/
และเช่นเคยค่ะ ก่อนจบทริปเที่ยวเราต้องหาของฝากของขวัญกันค่ะ ถ้าเมืองโคฟุ ต้องเครื่องประดับค่ะ เพราะเมืองโคฟุขึ้นชื่อเรื่องการแปรรูปอัญมณี จนถูกนับว่าเป็นเมืองแห่งอัญมณีแปรรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลก และด้วยความขึ้นชื่อนี้เองที่ทำให้เมืองโคฟุมีแบรนด์เครื่องประดับที่เป็นหน้าเป็นตาของเมืองอย่าง คูฟู (Koo-fu) แบรนด์เครื่องประดับท้องถิ่นแห่งเมืองโคฟุ จังหวัดยามานาชิ โดยที่มีจุดเด่นจากการใช้วัสดุแบบดั้งเดิม มีคุณภาพสูง แปรรูปอัญมณีให้มีดีไซน์ในคอนเซปต์ ความอ่อนช้อยอันประณีตจากธรรมชาติ ด้วยเทคนิคการแปรรูปขั้นสูงที่ได้รับการสืบทอดต่อมาในเมืองแห่งนี้ ทำให้ได้เครื่องประดับที่ทั้งสวยงาม อ่อนช้อย และไม่ซ้ำแบบใคร ซื้อเป็นของขวัญของฝาก รับรองว่าถูกใจทั้งผู้รับและผู้ให้แน่นอนค่ะ
อยากให้ทุกท่าน ๆ ลองมาเที่ยวกันนะคะ เดินทางไม่ยาก เส้นทางสะดวกสบาย หากโชคดีวันที่ฟ้าเปิด อาจจะได้เห็นวิวของภูเขาไฟฟูจิที่ผสมผสานกับธรรมชาติจนเกิดเป็นวิวสวยๆ ตลอดเส้นทาง ดังเป็นการต้อนรับเข้าสู่เมืองโคฟุแห่งนี้ ลองดูนะคะเที่ยวไม่ไกล มาเที่ยวที่โคฟุกันค่ะ
ข้อมูลจาก
https://www.yamanashi-kankou.jp/foreign/thai/spot/index.html
https://www.yamanashi-kankou.jp/foreign/thai/recommend/report20.html
https://www.japantimeline.jp/th/yamanashi/Kofu
และเป็นเมืองที่มีประวัติความเกี่ยวข้องกับไดเมียวคนสำคัญอย่างทาเคดะ ชินเก็น ที่ในเวลาต่อมาได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลทาเคดะ และได้รับการยกย่องว่าเป็นไดเมียวผู้ยิ่งใหญ่และกล้าหาญที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ปัจจุบันนี้ นอกจากเมืองโคฟุจะเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ ประวัติศาสตร์ และอุตสาหกรรมของจังหวัดยามานาชิแล้ว ยังเป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติอันสวยงามอีกด้วย
เรามาสตาร์ททริปเที่ยวเมืองโคฟุกันที่หุบเขาโชเซนเคียว (Shosenkyo Gorge) หรือมิตาเกะโชเซนเคียว (Mitake Shosenkyo) หุบเขาที่สวยที่สุดในประเทศญี่ปุ่น และเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติจิจิบุทามะไค (Chichibu Tama Kai National Park) ที่มีพื้นที่ของป่ากว่า 1,250 ตารางกิโลเมตร ซึ่งครอบคลุมจังหวัดยามานาชิ ไซตามะ นากาโนะ และโตเกียว โดยมีธรรมชาติที่ผลัดเปลี่ยนกันแต่งแต้มสีสันตามฤดูกาลให้กับหุบเขาแห่งนี้ หรือหากใครชอบการท่องเที่ยวแนวผจญภัย ที่เมืองโคฟุก็มีกิจกรรมไต่ผาตามเส้นทางที่จะนำไปสู่น้ำตกเซนกาทากิ (Sengataki Waterfall) ซึ่งน้ำตกแห่งนี้ถูกจัดเป็น 1 ใน 100 น้ำตกที่สวยที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ด้วยความสูง 31 เมตร โดยที่ด้านบนของน้ำตกจะมีหมู่บ้านเล็ก ๆ ร้านค้า และร้านอาหารต่าง ๆ ไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วยค่ะ เรียกว่าหลังจากผจญภัยกันแล้วก็สามารถพักให้หายเหนื่อยกันก่อนที่จะไปเที่ยวต่อเลยละค่ะ
และเมื่อหายเหนื่อยกันแล้ว เราก็ไปเดินเที่ยวกันที่วัดไคเซนโคจิ (Kai Zenkoji Temple) วัดแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ เพราะเป็นวัดพุทธ นิกายโจโด ที่มีต้นแบบมาจากวัดเซนโคจิของจังหวัดนากาโนะ โดยระหว่างทางเดินเข้ามาในวัดจะพบการจัดสวนญี่ปุ่น มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่อยู่ในสวน และมีการตั้งตุ๊กตาจิโซะ (Jizo) ตุ๊กตาหินตัวเล็ก หน้าตาคล้ายเด็กเอาไว้
จากนั้นเดินต่อเข้ามาหน้าวัดก็จะพบกับเทมิซุยะ (Temizuya) ศาลาที่ตั้งบ่อน้ำเล็ก ๆ สำหรับล้างมือล้างไม้ ล้างปาก ทำความสะอาดกันก่อนที่จะเข้าไปด้านในของวัดค่ะ และเมื่อก้าวเข้ามาในวัดจะพบกับโบสถ์สีแดงหลังใหญ่ตั้งอยู่กลางวัด ตัวโบสถ์เป็นไม้ทั้งหลัง ซึ่งโบสถ์ไม้สีแดงนี้จัดเป็นโบสถ์ไม้ที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกของประเทศญี่ปุ่นด้วยนะคะ สวยงามตระการตาจริง ๆ ค่ะ
โดยที่ภายในวัดแห่งนี้มีเรื่องที่ไม่ธรรมดาซ่อนอยู่ค่ะ โดยเริ่มกันที่ภาพของมังกรตัวใหญ่ที่ถูกวาดอยู่บนเพดานของโบสถ์ค่ะ เพราะไม่ว่าเราจะเดินไปทางไหน ก็เหมือนกับว่ามังกรในภาพนั้นกำลังจ้องมองเราอยู่ค่ะ แบบนี้ต้องเรียกว่าอาจจะได้สัมผัสพลังงานบางอย่างในวัดแห่งนี้ก็ได้นะคะ
และอีกหนึ่งความไม่ธรรมดาของที่นี่ก็คือ ห้องมืดค่ะ ซึ่งห้องมืดนี้มืดชนิดที่ว่าแม้ลืมตาอยู่ก็เหมือนเราหลับตาอยู่ค่ะ โดยเวลาเดินฝ่าความมืดเราใช้ได้เพียงแค่มือคลำไปที่กำแพงจนกว่าเราจะพบทางออกค่ะ เป็นการเปรียบกับว่าเราเอาชนะความกลัวและเรื่องเลวร้ายต่าง ๆ ไปได้นั่นเองค่ะ เป็นการเที่ยววัดที่น่าสนใจและตื่นเต้นในเวลาเดียวกันเลยค่ะ
หลังจากไหว้พระและเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันไปแล้ว เราไปเดินเที่ยวชิล ๆ กันที่สวนปราสาทไมซุรุ (Mizuru Castle Park) ที่มีอายุกว่า 400 ปี อดีตที่ตั้งของปราสาทโคฟุซึ่งสร้างขึ้นเมื่อตอนปลายศตวรรษที่ 16 แต่ในเวลาต่อมาหลังจากการล่มสลายของตระกูลทาเคดะ ก็ได้เปิดให้คนทั่วไปและนักท่องเที่ยวได้เข้าชมซากปราสาทโคฟุที่ยังคงหลงเหลืออยู่ได้ โดยมีการจัดโซนสวนสาธารณะให้เป็นแหล่งการเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และเป็นสถานที่ให้ได้พักผ่อนหย่อนใจของทุกคนด้วยค่ะ
เที่ยวกันมาจนล้าแล้ว ตอนนี้เรามาพักเหนื่อย หาของเติมพลังกันดีกว่าค่ะ กับเมนู โคฟุโทริโมะสึนิ (Kofu Torimotsuni) อาหารพื้นเมืองขึ้นชื่อของเมืองโคฟุ โดยโคฟุโทริโมะสึนินี้ทำจากเครื่องในไก่ตุ๋นในน้ำซอยโชยุ น้ำซอยจะแทรกซึมเข้าเครื่องในไก่ จนทำให้เนื้อนุ่มละมุนลิ้นและให้รสหวานเข้มข้นอร่อย
และใครที่ชอบกินเส้น ขอแนะนำบะหมี่โฮโตะ อีกหนึ่งอาหารพื้นเมืองของจังหวัดยามานาชิที่หารับประทานได้แทบทุกเมือง ที่ทำจากเส้นอุด้งหนา มาพร้อมกับผักตามฤดูกาลนานาชนิดในน้ำซุปเต้าเจี้ยว และเพิ่มความฟินให้กับมื้ออาหาร ขอแนะนำเหล้าพื้นเมืองของเมืองโคฟุ ที่ใช้น้ำแร่คุณภาพดีของเมืองในการกลั่นทำเหล้าสาเกญี่ปุ่นทำให้ได้รสชาติเยี่ยม
หรือจะเพิ่มดีกรีความหรูหราให้งานดื่มขึ้นมาอีกหน่อย ก็ต้องไวน์ค่ะ เพราะที่เมืองโคฟุแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่ปลูกองุ่น และได้ผลผลิตที่มีคุณภาพจำนวนมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น จึงทำให้เมืองโคฟุมีโรงกลั่นไวน์อยู่เป็นจำนวนมาก โดยโรงกลั่นไวน์แต่ละแห่งจะมีโซนร้านอาหารที่ตกแต่งและเมนูอาหารในสไตล์ยุโรป ที่ทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกเหมือนอยู่ที่ยุโรปเลยละค่ะ
รูปภาพจาก : koo-fu.com/
และเช่นเคยค่ะ ก่อนจบทริปเที่ยวเราต้องหาของฝากของขวัญกันค่ะ ถ้าเมืองโคฟุ ต้องเครื่องประดับค่ะ เพราะเมืองโคฟุขึ้นชื่อเรื่องการแปรรูปอัญมณี จนถูกนับว่าเป็นเมืองแห่งอัญมณีแปรรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลก และด้วยความขึ้นชื่อนี้เองที่ทำให้เมืองโคฟุมีแบรนด์เครื่องประดับที่เป็นหน้าเป็นตาของเมืองอย่าง คูฟู (Koo-fu) แบรนด์เครื่องประดับท้องถิ่นแห่งเมืองโคฟุ จังหวัดยามานาชิ โดยที่มีจุดเด่นจากการใช้วัสดุแบบดั้งเดิม มีคุณภาพสูง แปรรูปอัญมณีให้มีดีไซน์ในคอนเซปต์ ความอ่อนช้อยอันประณีตจากธรรมชาติ ด้วยเทคนิคการแปรรูปขั้นสูงที่ได้รับการสืบทอดต่อมาในเมืองแห่งนี้ ทำให้ได้เครื่องประดับที่ทั้งสวยงาม อ่อนช้อย และไม่ซ้ำแบบใคร ซื้อเป็นของขวัญของฝาก รับรองว่าถูกใจทั้งผู้รับและผู้ให้แน่นอนค่ะ
อยากให้ทุกท่าน ๆ ลองมาเที่ยวกันนะคะ เดินทางไม่ยาก เส้นทางสะดวกสบาย หากโชคดีวันที่ฟ้าเปิด อาจจะได้เห็นวิวของภูเขาไฟฟูจิที่ผสมผสานกับธรรมชาติจนเกิดเป็นวิวสวยๆ ตลอดเส้นทาง ดังเป็นการต้อนรับเข้าสู่เมืองโคฟุแห่งนี้ ลองดูนะคะเที่ยวไม่ไกล มาเที่ยวที่โคฟุกันค่ะ
ข้อมูลจาก
https://www.yamanashi-kankou.jp/foreign/thai/spot/index.html
https://www.yamanashi-kankou.jp/foreign/thai/recommend/report20.html
https://www.japantimeline.jp/th/yamanashi/Kofu