ถ้าจะให้พูดกันถึงปราสาทของญี่ปุ่นแล้วละก็ เชื่อว่าใครหลายคนที่เคยได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นมาแล้ว หรือยังไม่เคยไปเที่ยว แต่หากได้หาข้อมูลมาแล้วก็ต้องมีสักหนึ่งปราสาทที่อยู่ในดวงใจ และอยากไปให้ได้สักครั้งหนึ่งเมื่อได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นแน่ๆ ค่ะ
แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ ก่อนที่เราจะไปยังปราสาทฮิโกะเนะ ที่เราจะไปทำความรู้จักกันในวันนี้ เรามาทำความรู้จักกับปราสาทกันก่อนดีกว่าค่ะ โดยปราสาทของประเทศญี่ปุ่นนั้นมีอยู่มากมายเลยค่ะ ซึ่งปราสาทต่างๆ นั้นได้ถูกเริ่มสร้างขึ้นในยุคเซนโกะกุ (Sengoku) หรือในช่วงปี 1467-1590 ยุคของซามูไรที่เข้ามามีบทบาทในการต่อสู้ที่เกิดขึ้นทั่วประเทศญี่ปุ่นในขณะนั้น และต่อมาก็ในยุคเอโดะ ในช่วงปี 1603-1868 ซึ่งหลังจากช่วงกลียุคเริ่มสงบสุข
โดยในประเทศญี่ปุ่นมีปราสาทเพียงไม่กี่หลังที่ยังคงรักษารูปลักษณ์ดั้งเดิมของปราสาทไว้ได้และส่วนมากก็กำลังอยู่ในระหว่างการบูรณะและการฟื้นฟู ทั้งเหตุจากความเก่าแก่ตามกาลเวลาและการได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ แม้ว่าจะถูกเรียกว่าปราสาท แต่ขนาดและโครงสร้างก็มีความแตกต่างกันไป ซึ่งมีทั้งปราสาทที่มีความสูงมาก
และปราสาทที่ลักษณะคล้ายบ้านเรือนทั่วไปก็มีเช่นเดียวกันค่ะ แต่หากจะมีจุดต่างของแต่ละปราสาทอยู่บ้าง ก็เป็นเรื่องของกลไกที่ถูกซ่อนไว้ในตัวปราสาทแต่ละหลัง อันเป็นจุดขายของปราสาทนั้นๆ ที่ทำให้ปราสาทแห่งนั้นแตกต่างจากที่อื่นนั่นเองค่ะ
เราไปต่อกันที่พระเอกของเรื่องในวันนี้ นั่นก็คือ ปราสาทฮิโกะเนะ (Hikone Castle) ค่ะ ปราสาทฮิโกะเนะถูกสร้างขึ้นแบบแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1622 ตั้งอยู่ที่เมืองฮิโกะเนะ จังหวัดชิกะ (Shiga) ซึ่งจังหวัดชิกะเป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่เกือบกึ่งกลางของประเทศญี่ปุ่น โดยมีขนาดพื้นที่ 1 ใน 6 ของจังหวัดเป็นทะเลสาบและมีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น นั่นคือทะเลสาบบิวะโกะ (Biwa-ko) นั่นเองค่ะ
ปราสาทฮิโกะเนะจัดเป็นหนึ่งในสี่ปราสาทของประเทศญี่ปุ่นที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นสมบัติของชาติ เช่นเดียวกับปราสาทฮิเมะจิ ปราสาทมัตสึโมโตะ และปราสาทอินุยามะ หากได้ขึ้นไปยืนชมวิวจากหอคอยปราสาท จะทำให้เราสามารถมองเห็นเมืองโดยรอบของปราสาท ภูเขาอิบูกิ และทะเลสาบบิวะได้ในมุมกว้าง และยังได้เพลินไปกับสีสันต่าง ๆ ในทั้งสี่ฤดูกาลเลยทีเดียว
และด้วยความดั้งเดิมของตัวปราสาทที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงและไม่ได้รับผลกระทบจากการรื้อถอนเนื่องด้วยในสมัยการปฏิรูปเมจิ ในปี ค.ศ. 1868 ปราสาทหลายแห่งได้ถูกสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ สั่งให้รื้อถอน แต่ปราสาทฮิโกะเนะนั้นสมเด็จพระจักรพรรดิทรงไม่ต้องการให้รื้อถอนแต่อย่างใด จึงทำให้ปราสาทฮิโกะเนะยังคงสภาพดั้งเดิมมาได้จนถึงทุกวันนี้ จึงกลายเป็นหนึ่งในปราสาทที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่นที่มีอายุมากว่า 400 ปี และยังคงรักษาโครงสร้างแต่เดิมเอาไว้ได้ จึงทำให้ปราสาทกับบริเวณของปราสาทได้สถานะเป็นทรัพย์สมบัติแห่งชาติ และทรัพย์สินสำคัญทางวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่นค่ะ
โดยโครงสร้างด้านนอกและด้านใน ไม่ว่าจะเป็นตัวปราสาทหลัก คูเมือง กำแพง ป้อมรักษาความปลอดภัย และประตู ยังสามารถคงอยู่ในสภาพเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง และนอกจากตัวปราสาทเองแล้วก็ยังมีประตู ต่าง ๆ กำแพง สวน และอื่น ๆ อีกหลายอย่างที่น่าสนใจ และได้มีการเพิ่มเติมในส่วนของพิพิธภัณฑ์ (Hikone Castle Museum) โดยที่ภายในมีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับปราสาทฮิโกะเนะ นิทรรศการแสดงสมบัติของครอบครัวตระกูลต่างๆ อาวุธ ชุดเกราะ ชุดกิโมโน เครื่องดนตรี และเอกสารอื่นๆรวมถึงการจัดแสดงเกี่ยวกับระบบศักดินาของประเทศญี่ปุ่น ให้ได้ศึกษาและรับชมกันอีกด้วยค่ะ ถือว่าเป็นการท่องเที่ยวแบบอิ่มตาเพิ่มเติมความรู้ใหม่ได้อย่างดีเลยค่ะ
หากนักท่องเที่ยวอยากชมวิวทิวทัศน์สวยๆ จากมุมสูงแล้วละก็ สามารถขึ้นไปบนยอดของปราสาทได้ค่ะ โดยต้องเดินขึ้นบันไดที่มีความชัน เรียกได้ว่าเป็นบันไดมีความชันเป็นพิเศษเลยค่ะ ที่บันได้ต้องชันนั่นก็เพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูบุกขึ้นมา ซึ่งความชันของบันไดนี้คือ 45 องศาค่ะ เวลาเดินขึ้นบันไดความรู้สึกก็จะเหมือนกับว่าเรากำลังคลานขึ้นไปเลยค่ะ และเมื่อขึ้นบันไดมาก็จะขึ้นมาถึงยอดหอคอยปราสาทฮิโกะเนะ ซึ่งบริเวณรอบๆ ยอดปราสาทจะมีระเบียงเล็กๆ ที่มองออกไปนอกหน้าต่างก็จะเห็นวิวเมืองฮิโกะเนะ ทะเลสาบบิวะโกะ และหากมีโชค ฟ้าเปิด อากาศดีก็จะเห็นไปถึงทิวเขาฮิระ ของเกียวโตและชิกะอีกด้วยค่ะ รับรองว่าสวยงามคุ้มกับการได้ขึ้นไปชมอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ยังมีป้อมปราการ ระฆังขนาดใหญ่ที่ใช้ตีบอกเวลาในสมัยก่อน และร้านค้าขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้ประตูใหญ่ของปราสาท ที่ให้เราๆ ท่านๆ สามารถแวะชิมช้อปชิลกันอีกด้วยค่ะ
นอกจากจะมีจุดชมวิวมุมสูงแล้ว ปราสาทฮิโกะเนะแห่งนี้ยังมีสวนดอกไม้สวยๆ ให้ได้เดินเล่น พักสายตาพลางชมความงามไปพร้อมๆ กันที่สวนเก็นคิวเอ็น (Genkyuen) โดยสวนแห่งนี้ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของปราสาทฮิโกะเนะ ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1677 เป็นสวนญี่ปุ่นที่ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศจีน ภายในสวนมีอาคารไม้ต่างๆ อยู่ติดกับสระน้ำ สวนแห่งนี้เป็นจุดที่ได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลชมดอกซากุระที่ต้องห้ามพลาด โดยจะมีดอกซากุระมากกว่า 1,200 ดอกที่บานสะพรั่ง ทำให้ได้ทัศนียภาพที่สวยงาม หรือจะในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงจะมีการประดับตกแต่งด้วยแสงไฟที่แต่งแต้มความสวยงามยามค่ำคืนให้กับปราสาทไปอีกแบบด้วย และยังเป็นอีกสวนญี่ปุ่นที่ชาวญี่ปุ่นนิยมพากันมานั่งดื่มชาและชมความงามของสวนกันอีกด้วยค่ะ
และอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของที่นี่ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ ก็คือมาสคอตของปราสาทนั่นเองค่ะ ซึ่งก็คือ แมวสีขาวใส่หมวกซามุไร หรือ ฮิโกะเนียน ฮิโกะเนียนเป็นแมวสีขาว สวมหมวกซามุไรสีแดง ที่ได้มีการอ้างอิงมาจากความเชื่อในตำนานของยุคสมัยเอโดะ ที่ว่ากันว่า เจ้าแมวช่วยให้ท่านไดเมียวของเมืองฮิโกะเนะรอดพ้นจากพายุฝนรุนแรงมาได้ ด้วยการกวักเรียกให้เขาที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูวัดให้เข้ามาในเขตวัด และด้วยความตลกของหมวกนักรบสีแดงกับแมวสีขาวราวกับก้อนโมจิที่หน้าตาท่าทางไร้เดียงสาและน่ารักของฮิโกะเนียน ทำให้เชื่อกันว่าช่วยเยียวจิตใจของผู้พบเห็นฮิโกะเนียนได้ค่ะ โดยเหล่านักท่องเที่ยวจะได้พบกับฮิโกะเนียนได้ที่ปราสาทฮิโกะเนะ ในช่วงเวลา รอบที่ 1 เวลา 10.30-11.00 รอบที่ 2 เวลา 13.00 -13.30 และรอบที่ 3 เวลา 15.00-15.30 ตามเวลาของประเทศญี่ปุ่นค่ะ อย่างไรก็ลองเข้าไปเช็กตารางเวลาของฮิโกะเนียนกันในเว็บไซต์นี้ก่อนได้นะคะ https://hikone-hikonyan.jp เพราะนอกจากเวลาในแต่ละวันแล้ว หากสภาพอากาศไม่ปลอดโปร่ง ก็จะมีสถานที่สำรองสำหรับให้เราๆ ท่านๆ เหล่านักท่องเที่ยวได้พบก็ฮิโกะเนียนได้แม้สภาพอากาศจะไม่ดีก็ตามค่ะ
จริงๆ แล้ว ก็อย่างที่กล่าวไปว่าปราสาทแต่ละหลังนั้นมีความเป็นเอกลักษณ์อยู่ในแต่ละหลังอยู่แล้ว หากแต่ที่ปราสาทฮิโกะเนะแห่งนี้นับว่าเป็นความดั้งเดิม ที่ไม่ธรรมดาจริงๆ ค่ะ ทั้งความสวยงามของตัวปราสาทและวิวทิวทัศน์มุมสูงแบบ 360 องศา การได้รับการดูแลและรักษามาอย่างดี ทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวต้องปักหมุดในใจแล้วไปท่องเที่ยวให้ได้สักครั้งหนึ่งเมื่อได้ไปญี่ปุ่น อย่าลืมนะคะ อาจจะไม่ใช่ทริปนี้ อาจจะเป็นทริปต่อไป หากได้ไปญี่ปุ่น อย่าลืมไปเที่ยวที่ปราสาทฮิโกะเนะ ไปสัมผัสประสบการณ์ขึ้นบันไดราวกับคลาน ชมความงามของสวนในปราสาท และไปทักทายเจ้าฮิโกะเนียนที่รอต้อนรับทุกคนอยู่ให้ได้นะคะ
ข้อมูลจาก
https://centrip-japan.com/th/spot/892.html
https://www.jnto.or.th/model-route/self-travel-5-to-7-days/hokuriku/6th-shiga/
https://osaka-info.jp/th/page/around-kansai-shiga
แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ ก่อนที่เราจะไปยังปราสาทฮิโกะเนะ ที่เราจะไปทำความรู้จักกันในวันนี้ เรามาทำความรู้จักกับปราสาทกันก่อนดีกว่าค่ะ โดยปราสาทของประเทศญี่ปุ่นนั้นมีอยู่มากมายเลยค่ะ ซึ่งปราสาทต่างๆ นั้นได้ถูกเริ่มสร้างขึ้นในยุคเซนโกะกุ (Sengoku) หรือในช่วงปี 1467-1590 ยุคของซามูไรที่เข้ามามีบทบาทในการต่อสู้ที่เกิดขึ้นทั่วประเทศญี่ปุ่นในขณะนั้น และต่อมาก็ในยุคเอโดะ ในช่วงปี 1603-1868 ซึ่งหลังจากช่วงกลียุคเริ่มสงบสุข
ซามูไร
โดยในประเทศญี่ปุ่นมีปราสาทเพียงไม่กี่หลังที่ยังคงรักษารูปลักษณ์ดั้งเดิมของปราสาทไว้ได้และส่วนมากก็กำลังอยู่ในระหว่างการบูรณะและการฟื้นฟู ทั้งเหตุจากความเก่าแก่ตามกาลเวลาและการได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ แม้ว่าจะถูกเรียกว่าปราสาท แต่ขนาดและโครงสร้างก็มีความแตกต่างกันไป ซึ่งมีทั้งปราสาทที่มีความสูงมาก
และปราสาทที่ลักษณะคล้ายบ้านเรือนทั่วไปก็มีเช่นเดียวกันค่ะ แต่หากจะมีจุดต่างของแต่ละปราสาทอยู่บ้าง ก็เป็นเรื่องของกลไกที่ถูกซ่อนไว้ในตัวปราสาทแต่ละหลัง อันเป็นจุดขายของปราสาทนั้นๆ ที่ทำให้ปราสาทแห่งนั้นแตกต่างจากที่อื่นนั่นเองค่ะ
เราไปต่อกันที่พระเอกของเรื่องในวันนี้ นั่นก็คือ ปราสาทฮิโกะเนะ (Hikone Castle) ค่ะ ปราสาทฮิโกะเนะถูกสร้างขึ้นแบบแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1622 ตั้งอยู่ที่เมืองฮิโกะเนะ จังหวัดชิกะ (Shiga) ซึ่งจังหวัดชิกะเป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่เกือบกึ่งกลางของประเทศญี่ปุ่น โดยมีขนาดพื้นที่ 1 ใน 6 ของจังหวัดเป็นทะเลสาบและมีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น นั่นคือทะเลสาบบิวะโกะ (Biwa-ko) นั่นเองค่ะ
ปราสาทฮิโกะเนะ
ปราสาทฮิโกะเนะจัดเป็นหนึ่งในสี่ปราสาทของประเทศญี่ปุ่นที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นสมบัติของชาติ เช่นเดียวกับปราสาทฮิเมะจิ ปราสาทมัตสึโมโตะ และปราสาทอินุยามะ หากได้ขึ้นไปยืนชมวิวจากหอคอยปราสาท จะทำให้เราสามารถมองเห็นเมืองโดยรอบของปราสาท ภูเขาอิบูกิ และทะเลสาบบิวะได้ในมุมกว้าง และยังได้เพลินไปกับสีสันต่าง ๆ ในทั้งสี่ฤดูกาลเลยทีเดียว
และด้วยความดั้งเดิมของตัวปราสาทที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงและไม่ได้รับผลกระทบจากการรื้อถอนเนื่องด้วยในสมัยการปฏิรูปเมจิ ในปี ค.ศ. 1868 ปราสาทหลายแห่งได้ถูกสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ สั่งให้รื้อถอน แต่ปราสาทฮิโกะเนะนั้นสมเด็จพระจักรพรรดิทรงไม่ต้องการให้รื้อถอนแต่อย่างใด จึงทำให้ปราสาทฮิโกะเนะยังคงสภาพดั้งเดิมมาได้จนถึงทุกวันนี้ จึงกลายเป็นหนึ่งในปราสาทที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่นที่มีอายุมากว่า 400 ปี และยังคงรักษาโครงสร้างแต่เดิมเอาไว้ได้ จึงทำให้ปราสาทกับบริเวณของปราสาทได้สถานะเป็นทรัพย์สมบัติแห่งชาติ และทรัพย์สินสำคัญทางวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่นค่ะ
โดยโครงสร้างด้านนอกและด้านใน ไม่ว่าจะเป็นตัวปราสาทหลัก คูเมือง กำแพง ป้อมรักษาความปลอดภัย และประตู ยังสามารถคงอยู่ในสภาพเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง และนอกจากตัวปราสาทเองแล้วก็ยังมีประตู ต่าง ๆ กำแพง สวน และอื่น ๆ อีกหลายอย่างที่น่าสนใจ และได้มีการเพิ่มเติมในส่วนของพิพิธภัณฑ์ (Hikone Castle Museum) โดยที่ภายในมีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับปราสาทฮิโกะเนะ นิทรรศการแสดงสมบัติของครอบครัวตระกูลต่างๆ อาวุธ ชุดเกราะ ชุดกิโมโน เครื่องดนตรี และเอกสารอื่นๆรวมถึงการจัดแสดงเกี่ยวกับระบบศักดินาของประเทศญี่ปุ่น ให้ได้ศึกษาและรับชมกันอีกด้วยค่ะ ถือว่าเป็นการท่องเที่ยวแบบอิ่มตาเพิ่มเติมความรู้ใหม่ได้อย่างดีเลยค่ะ
หากนักท่องเที่ยวอยากชมวิวทิวทัศน์สวยๆ จากมุมสูงแล้วละก็ สามารถขึ้นไปบนยอดของปราสาทได้ค่ะ โดยต้องเดินขึ้นบันไดที่มีความชัน เรียกได้ว่าเป็นบันไดมีความชันเป็นพิเศษเลยค่ะ ที่บันได้ต้องชันนั่นก็เพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูบุกขึ้นมา ซึ่งความชันของบันไดนี้คือ 45 องศาค่ะ เวลาเดินขึ้นบันไดความรู้สึกก็จะเหมือนกับว่าเรากำลังคลานขึ้นไปเลยค่ะ และเมื่อขึ้นบันไดมาก็จะขึ้นมาถึงยอดหอคอยปราสาทฮิโกะเนะ ซึ่งบริเวณรอบๆ ยอดปราสาทจะมีระเบียงเล็กๆ ที่มองออกไปนอกหน้าต่างก็จะเห็นวิวเมืองฮิโกะเนะ ทะเลสาบบิวะโกะ และหากมีโชค ฟ้าเปิด อากาศดีก็จะเห็นไปถึงทิวเขาฮิระ ของเกียวโตและชิกะอีกด้วยค่ะ รับรองว่าสวยงามคุ้มกับการได้ขึ้นไปชมอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ยังมีป้อมปราการ ระฆังขนาดใหญ่ที่ใช้ตีบอกเวลาในสมัยก่อน และร้านค้าขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้ประตูใหญ่ของปราสาท ที่ให้เราๆ ท่านๆ สามารถแวะชิมช้อปชิลกันอีกด้วยค่ะ
นอกจากจะมีจุดชมวิวมุมสูงแล้ว ปราสาทฮิโกะเนะแห่งนี้ยังมีสวนดอกไม้สวยๆ ให้ได้เดินเล่น พักสายตาพลางชมความงามไปพร้อมๆ กันที่สวนเก็นคิวเอ็น (Genkyuen) โดยสวนแห่งนี้ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของปราสาทฮิโกะเนะ ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1677 เป็นสวนญี่ปุ่นที่ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศจีน ภายในสวนมีอาคารไม้ต่างๆ อยู่ติดกับสระน้ำ สวนแห่งนี้เป็นจุดที่ได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลชมดอกซากุระที่ต้องห้ามพลาด โดยจะมีดอกซากุระมากกว่า 1,200 ดอกที่บานสะพรั่ง ทำให้ได้ทัศนียภาพที่สวยงาม หรือจะในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงจะมีการประดับตกแต่งด้วยแสงไฟที่แต่งแต้มความสวยงามยามค่ำคืนให้กับปราสาทไปอีกแบบด้วย และยังเป็นอีกสวนญี่ปุ่นที่ชาวญี่ปุ่นนิยมพากันมานั่งดื่มชาและชมความงามของสวนกันอีกด้วยค่ะ
และอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของที่นี่ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ ก็คือมาสคอตของปราสาทนั่นเองค่ะ ซึ่งก็คือ แมวสีขาวใส่หมวกซามุไร หรือ ฮิโกะเนียน ฮิโกะเนียนเป็นแมวสีขาว สวมหมวกซามุไรสีแดง ที่ได้มีการอ้างอิงมาจากความเชื่อในตำนานของยุคสมัยเอโดะ ที่ว่ากันว่า เจ้าแมวช่วยให้ท่านไดเมียวของเมืองฮิโกะเนะรอดพ้นจากพายุฝนรุนแรงมาได้ ด้วยการกวักเรียกให้เขาที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูวัดให้เข้ามาในเขตวัด และด้วยความตลกของหมวกนักรบสีแดงกับแมวสีขาวราวกับก้อนโมจิที่หน้าตาท่าทางไร้เดียงสาและน่ารักของฮิโกะเนียน ทำให้เชื่อกันว่าช่วยเยียวจิตใจของผู้พบเห็นฮิโกะเนียนได้ค่ะ โดยเหล่านักท่องเที่ยวจะได้พบกับฮิโกะเนียนได้ที่ปราสาทฮิโกะเนะ ในช่วงเวลา รอบที่ 1 เวลา 10.30-11.00 รอบที่ 2 เวลา 13.00 -13.30 และรอบที่ 3 เวลา 15.00-15.30 ตามเวลาของประเทศญี่ปุ่นค่ะ อย่างไรก็ลองเข้าไปเช็กตารางเวลาของฮิโกะเนียนกันในเว็บไซต์นี้ก่อนได้นะคะ https://hikone-hikonyan.jp เพราะนอกจากเวลาในแต่ละวันแล้ว หากสภาพอากาศไม่ปลอดโปร่ง ก็จะมีสถานที่สำรองสำหรับให้เราๆ ท่านๆ เหล่านักท่องเที่ยวได้พบก็ฮิโกะเนียนได้แม้สภาพอากาศจะไม่ดีก็ตามค่ะ
จริงๆ แล้ว ก็อย่างที่กล่าวไปว่าปราสาทแต่ละหลังนั้นมีความเป็นเอกลักษณ์อยู่ในแต่ละหลังอยู่แล้ว หากแต่ที่ปราสาทฮิโกะเนะแห่งนี้นับว่าเป็นความดั้งเดิม ที่ไม่ธรรมดาจริงๆ ค่ะ ทั้งความสวยงามของตัวปราสาทและวิวทิวทัศน์มุมสูงแบบ 360 องศา การได้รับการดูแลและรักษามาอย่างดี ทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวต้องปักหมุดในใจแล้วไปท่องเที่ยวให้ได้สักครั้งหนึ่งเมื่อได้ไปญี่ปุ่น อย่าลืมนะคะ อาจจะไม่ใช่ทริปนี้ อาจจะเป็นทริปต่อไป หากได้ไปญี่ปุ่น อย่าลืมไปเที่ยวที่ปราสาทฮิโกะเนะ ไปสัมผัสประสบการณ์ขึ้นบันไดราวกับคลาน ชมความงามของสวนในปราสาท และไปทักทายเจ้าฮิโกะเนียนที่รอต้อนรับทุกคนอยู่ให้ได้นะคะ
ข้อมูลจาก
https://centrip-japan.com/th/spot/892.html
https://www.jnto.or.th/model-route/self-travel-5-to-7-days/hokuriku/6th-shiga/
https://osaka-info.jp/th/page/around-kansai-shiga