เดี๋ยวนี้ก็ต้องบอกเลย ว่าคนไทยนั้นไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นกันเยอะจริงๆ สะบั้นหั่นแหลกกันชนิดที่ว่าบริษัททัวร์ขายดิบขายดีเอามากๆ เลยทีเดียว แหม อย่างว่าแหละ เดี๋ยวนี้ตั๋วก็ไม่ได้ราคาแพงหูฉี่แบบสมัยก่อน โอกาสจะได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นก็เลยง่ายขึ้นเยอะ โตเกียว, โอซาก้านี่แบบว่าหนาแน่นไปด้วยคนไทย บางคนเชี่ยวๆ หน่อยก็เริ่มลงไปเที่ยวแถวฝั่งคิวชูกันแล้ว แต่ถ้าเทียบกับฝั่งฮอนชูและฮอกไกโดแล้วก็ยังถือว่าไม่มากนัก วันนี้ก็เลยจะอาสาพาเที่ยวอีกหนึ่งจังหวัดทางฝั่งคิวชูที่น่าไปเที่ยวมากๆ อีกจังหวัดหนึ่ง นั่นก็คือจังหวัดโออิตะนั่นเอง
เกริ่นคร่าวๆ กันสักหน่อย โออิตะนั้นเป็นจังหวัดที่อยู่ทางตะวันออกเกาะคิวชู ซึ่งจังหวัดนี้เป็นจังหวัดที่มีชื่อเสียงในเรื่องของออนเซ็นอันดับต้นๆ ในญี่ปุ่น แต่ไม่ใช่จะมีแค่บ่อนํ้าพุร้อนให้แช่กันตัวเปื่อยตัวแฉะกันอย่างเดียว แต่ยังมีสถานที่เที่ยวน่าสนใจอื่นๆ อีกมากมายเลย อันนี้ต้องยอมรับว่าชาวไทยเราหลายคนยังค่อนข้างอายที่จะลงไปแช่บ่อออนเซ็น พอบอกว่าไปโออิตะก็ส่ายหัวทันทีเพราะนึกว่ามีแค่ออนเซ็นอย่างเดียว ไม่ใช่จ้าๆ เดี๋ยวเราจะพามาดูกัน อาจจะพูดถึงเรื่องออนเซ็นน้อยหน่อย เพราะมีสิ่งที่น่าสนใจอื่นๆ อยากแนะนำจริงๆ จ้า
เดินทอดน่องกับเหล่าร้านรวงมากมายที่ถนนถนนคนเดินเมืองยุฟุอิน
ประเดิมที่แรกเลยที่เมืองยุฟุอิน เมืองเล็กน่ารักที่โอบล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติอันสวยงาม ที่นี่ขอบอกว่าสาวๆ ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว เพราะว่ามีเหล่าร้านค้าน่ารักๆ เรียงรายอยู่เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะอาอาหาร, ขนม, ของที่ระลึกอีกเพียบ ทั้ง OTOP ของจังหวัดโออิตะ ลามไปถึงโทโทโระยันคุมะมง ช็อปชิมชิลแบบชิคๆ กันได้ทั้งวัน หรืออยากจะลองนั่งรถม้าชมความงามก็มีให้นั่งด้วยนะ
และใกล้ๆ กับถนนคนเดิน ก็ยังมีทะเลสาบคิรินโกะอันสวยงามและเงียบสงบ ให้สัมผัสบรรยากาศแบบธรรมชาติ ที่บอกเลยว่าหาในเมืองใหญ่ๆ ไม่ได้ เป็นเสน่ห์บ้านนอกของญี่ปุ่นเขาล่ะ ใครที่เบื่อบรรยากาศภายในเมืองอันนี้ขอแนะนำเลย
เก็บสาลี่หวานอร่อยที่สวนซาซากิ
หลายต่อหลายคนอาจจะเคยได้ไปเก็บสตรอเบอร์รี่กันมาบ้าง งั้นมาลองเก็บสาลี่กันดีกว่า ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนั้นเป็นช่วงที่สาลี่อร่อยสุดๆ ไปเลยล่ะ ซึ่งสาลี่นี่บอกเลยว่าลูกใหญ่มาก ลูกใหญ่ๆ ก็หนักถึง 1 กิโลกรัม ลูกเดียวจอดไม่ต้องแจว ใครที่ติดใจสามารถซื้อกลับบ้านกันได้ ราคาไม่แพง
มาเมะดะมาจิ เมืองเก่าแก่แห่งฮิตะ
มาเมะดะมาจิ เมืองเก่าแก่ที่มีประวัติมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยยุคเอโดะบนทางทอดยาวกว่า 400 เมตร ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างเนื่องจากเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ แต่ก็ได้ถูกบูรณะซ่อมแซมจนแทบจะสมบูรณ์ องค์รวมของสิ่งก่อสร้างยังคงความเก่าแก่และสวยงามเลยทีเดียว
ดินเนอร์บรรยากาศแจ่มกับเรือไม้ญี่ปุ่น ยากาตะบุเนะ
อันนี้เป็นของดีเลิศดีงามของเมืองฮิตะเขาเลยล่ะ กับการล่องเรือ yakatabune ซึ่งเป็นเรือไม้สไตล์ญี่ปุ่น ดินเนอร์อาหารสไตล์ญี่ปุ่น ชมบรรยาศยามเย็นอันสวยงามที่แม่นํ้า ผ่อนคลายสบายๆ เป็นอย่างมากเลยทีเดียว
อีกหนึ่งสิ่งที่ตื่นตาตื่นใจก็คือการแสดงการจับปลาแบบพื้นบ้านที่มีประวัติมายาวนานถึงหนึ่งพันปี นั่นก็คือการทำประมงโดยหารใช้นกกานํ้าในการหาปลา ซึ่งที่ญี่ปุ่นจะเรียกว่า อุไก โดยเจ้านกกานํ้าก็จะดำลงไปหาปลาให้แก่ชาวประมง ตัวไหนที่หาปลาขึ้นมาได้ก็จะให้แบ่งปลาให้กับนกตัวนั้นเป็นรางวัล
สะพานคนข้ามที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น ยูเมะ โอทสึริฮาชิ
ที่เมืองโคโคโนะเอะในจังหวัดโออิตะนั้นก็มีหนึ่งสถานที่ที่เป็นที่สุดของญี่ปุ่นให้ได้มาเที่ยวกัน ก็คือสะพาน Yume Otsurihashi เป็นสะพานคนข้ามที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น กับความสูงที่ 777 เมตร ชมธรรมชาติอันสวยงามของขุนเขาและนํ้าตกโอดากิและเมดากิราวกับได้บินอยู่บนท้องฟ้า ใครไม่ชอบความสูงอาจจะมีสั่นๆ บ้าง แต่ปลอดภัยหายห่วงไม่มีร่วงไปกินดินกินหญ้าด้านล่างแน่นอน เป็นจุดดึงดูดเหล่านักท่องเที่ยวมากมายจากทุกสารทิศ ไทย จีน ฝรั่ง หรือแม่แต่คนญี่ปุ่นเองก็มีหมด
นอกเหนือจากจะได้ข้ามสะพานกินลมชมธรรมชาติแล้วก็ยังมีร้านขายของที่ระลึกรวมถึงร้านอาหารอีกมากมาย ไม่ต้องกลัวว่าจะหิวกลางคัน
ชมวิวแสนงามที่ลานสกีคุจู
ลานสกีคุจู จุดชมวิวที่สวยงามของเมืองทาเคตะ ถึงแม้ว่าฤดูอื่นนอกจากฤดูหนาวจะไม่มีหิมะให้มาเล่นสกี แต่ก็สามารถมาชมธรรมชาติสวยได้ที่นี่ เพราะว่าในแต่ละฤดู บนเขาก็จะมีดอกไม้สวยงามมากมาย โดยทางลานสกีจะมีรถบริการพาชมดอกไม้และวิวทิวทัศน์
ดอกไม้สวยงามนานาชนิดกับสวนดอกไม้คุจูฮานะโอเอ็น
ใครที่ชอบดอกไม้สวยๆ งามๆ ต้องไม่พลาดที่นี่เลย ที่สวยดอกไม้คุจูฮานะโคเอ็นที่เมืองทาเคตะ ที่สวยนี้มีดอกไม้ถึง 500 ชนิด สลับเปลี่ยนหมุนเวียนกันให้ชมตลอดทั้งปี มาได้ทั้ง 4 ฤดู โดยเขาก็จะมีตารางบอกว่าช่วงไหนมีดอกไม้ให้ดูบ้าง จะได้เล็งกันถูกว่าชอบดอกไม้ไหนก็ไปกันช่วงนั้น และไม่ได้มีแค่เฉพาะดอกไม้ในสวนเพียงอย่างเดียว แต่ก็ยังมีดอกไม้ที่ปลูกในเรือนกระจกด้วย
เดินเล่นในเมืองทาเคตะ
เมืองเก่าแก่ที่มีสถานที่ทางประวัติศาสตร์มากมาย โดยเฉพาะวัดต่างๆ จนเรียกว่าเป็นโอเทมาจิ โดยที่นี่มีบ้านเก่าแก่ของ Taki Rentaro ศิลปินผู้โด่งดังในอดีตให้ได้ชมกัน ซึ่งเป็นบ้านสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ และไม่ได้มีการบูรณะเพิ่มเติมเลย
ออนเซ็นมีฟอง ที่ลามุเนะออนเซ็น
มาโออิตะทั้งทีถ้าไม่ได้มาเที่ยวออนเซ็นก็เหมือนมาไทยแล้วไม่ได้ไปวัดนั่นแหละ เนื่องจากในโออิตะนั้นมีออนเซ็นอยู่มากมาย จะพาไปชมแบบธรรมดาๆ มันก็กะไรอยู่ ก็เลยมาชมกับออนเซ็นที่ไม่ค่อยจะเหมือนใครที่ ลามุเนะออนเซ็น โดยออนเซ็นของที่นี่จะมีฟองเล็กๆ อยู่ภายในบ่อมากมายเหมือนกับนํ้าอัดลมอะไรประมาณนั้นซึ่งดีต่อสุขภาพผิว และด้านนอกก็รายล้อมไปด้วยธรรมชาติสไตล์บ้านนอกคอกนา
ชมวิวเมืองโออิตะจากที่สูงที่ beppu ropeway
ชมวิวทิวทัศน์อันงดงามของเมืองเบปปุ กันที่ beppu ropeway กับการนั่งกระเช้าขึ้นสู่บนยอดเขาสุรุมิ ที่มีความสูงถึง 1,375 เมตร ไม่ได้เพียงแค่เมืองเบปปุเท่านั้น รวมไปถึงภูเขายุฟุด้วย ที่นี่มีความสวยงามที่แตกต่างกันทั้ง 4 ฤดู โดยช่วงฤดูใบไม้ผลินั้นก็จะมีซากุระที่ออกดอกอย่างสวยงาม, ช่วงหน้าร้อนฟ้าโปร่งก็มีวิวสวยมองเห็นไหลไปถึงแนวเขาคุจู , ฤดูใบไม้ผลิก็มีใบไม้เปลี่ยนสีให้ได้ชมกัน ส่วนหน้าหนาวก็จะได้ชมปรากฏการณ์นํ้าแข็งเกาะอันอันสวยงาม มาช่วงไหนก็มีความสวยงามให้ได้ชมกัน
นอกเหนือจากวิวต่างๆ อันสวยงามที่มองจากที่สูง หลังจากที่เรานั่งกระเช้าไปถึงด้านบนแล้วก็จะมีศาลเจ้าซึ่งเราสามารถไปอธิษฐานขอพรได้ รวมถึงมีรูปปั้นเทพเจ้าถึง 19 องค์เลยทีเดียว เสียดายนิดนึงวันที่ไปมีหมอกลงจัด เลยไม่เห็นทิวทัศน์อันสวยงามรวมถึงเดินชมรูปปั้นเทพเจ้าองค์ต่างๆ ได้
บ่อนํ้าพุร้อนอุมิจิโกกุ
บ่อนํ้าพุร้อน 1 ใน 8 บ่อนรกที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก และเป็นของดีของเมืองเป๊บบุเขาเลยล่ะ แต่เสียดายไปได้แค่ 1 ที่เนื่องจากเวลามีจำกัดเสียเหลือเกิน ก็เลยเลือกมาที่บ่อ อุมิจิโกกุ หรือบ่อทะเลนรก ที่ภายในบ่อนั้นจะมีสีฟ้าเหมือนกับทะเล บ่อนี้ให้ชมความสวยงามกันเฉยๆ นะ แช่ไม่ได้ ลงไปนี่ต้มจนสุกเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในหมู่มวลมนุษย์กันอย่างแน่นอน มีไว้ชมเท่านั้นจ้า ซึ่งที่นี่ก็มีของขึ้นชื่อเป็นไข่ต้มออนเซ็นแล้วก็พุดดิ้งที่นึ่งด้วยความร้อนจากบ่อออนเซ็น อันนี้ขอบอกว่าอร่อยมากเลยล่ะ 55
ย่านร้านค่าเก่าแก่ โชวะโนะมาจิ
ย่านร้านค้าสุดเรโทรในเมืองบุนโกะทาคาดะ ที่มีร้านเก่าแก่อยู่เป็นจำนวนมาก เดินแล้วเหมือนได้ย้อนยุคย้อนสมัยเลย แต่ก่อนที่ย่านนี้เคยถูกทิ้งรกร้างไม่มีใครมาดูแล แต่ผู้คนในย่านนั้นก็ร่วมมือร่วมใจในการฟื้นฟูเมืองโดยสร้างบ้านอาคารให้เหมือนกับในสมัยยุคโชวะ พร้อมทั้งนำรถเก่าและอุปกรณ์เก่าอื่นๆ มาตกแต่งภายในถนนแห่งนี้ จนกลายมาเป็นถนนเทรโทรที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมากเลยล่ะ
นั่งสมาธิที่วัดฟุคุจิ
แนวเข้าวัดเข้าวาอาตมานั่งสมาธิก็มีเช่นกันที่วัดฟุคุจิในเมืองบุนโกะทาคาดะ ที่นี่เป็นวัดพุทธที่มีให้นั่งสมาธิหรือซาเซ็น กันด้วย อันนี้เวลาที่คนไทยไป ทางเจ้าอาวาสก็อาจมีประหม่าเล็กน้อย เพราะเอาจริงๆ แล้วคนไทยเคร่งพุทธกว่าเขาเยอะมาก การที่เขามาสอนคนที่เคร่งมากกว่าก็อาจจะมีเกร็งนิดๆ (จากที่สอบถาม) แต่เอาจริงๆ เขาก็จะสอนในวิถีของเขาและก็เต็มที่มากๆ คนที่ชอบนั่งสมาธิปล่อยจิตใจให้สงบก็น่าจะมาลองที่นี่ดู
ชมศาลเจ้าอุสะอันสวยงาม
ไปมาตั้งหลายที่ ยังไม่ได้เข้าวัดเข้าวาหาศาลเจ้าเลย ขอมาสักหน่อยก็แล้วกันกับศาลเจ้าอุสะ ดูเผินๆ ภายนอกเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ว่าด้านในนั้นสวยงามมากๆ และเป็นหนึ่งในสามศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น จากจำนวน 44,000 แห่ง ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 725 นอกจากความสวยงามแล้ว ที่นี่ยังมีชื่อเสียงมากในเรื่องของการขอพรเพื่อให้สมหวัง เป็นที่นิยมของเหล่านักร้องดารานักแสดงที่จะมาขอพอให้ยอดขายถึงเป้า ซึ่งก็มีศิลปินวงหนึ่งกล่าวว่าเขาสมหวังหลังจากที่มาได้ขอพรที่นี่
เก็บองุ่นไซน์มัสแคตอันเลื่องชื่อลือชา
เก็บสาลี่หร่อยลิ้นดิ้นพลาดกันไปแล้ว มาต่อกันด้วยการเก็บองุ่นกันต่อ ซึ่งองุ่นที่เด็ดหนักจนนํ้าตาไหลพรากก็เลยองุ่นเคียวโฮกับไชน์มัสแคต ซึ่งฟาร์มที่นี่เขาก็มีให้เก็บกันอย่างหลากหลายพันธุ์ แต่ฤดูนี้ไม่มีเคียวโฮ ก็เลยเลือกที่จะมาเก็บเจ้า Shine Muscat
องุ่นที่นี่บอกเลยว่าเม้ดเป้งมาก ไชน์มัสแคตพวกที่ง่อยสุดๆ อย่างน้อยก็ต้องมี 1 กิโลกรัมขึ้นไป โดยที่ฟาร์มคิดราคาที่ 1,600 เยนต่อ 1 กิโลกรัม ตกก็ประมาณ 480 บาท บอกเลยว่าถูกมากๆ บ้านเราขายพวงง่อยๆ ลูกกระติ๋วนึงยังขายกันเกือบพัน องุ่นที่นี่เขาปลูกโดยธรรมชาติ ไม่ได้ใช้สารเคมีอะไรเลย เด็ดทานกันได้ทันที นอกจากจะอร่อยแล้วยังได้ความรู้เกี่ยวกับการปลูกองุ่นของที่นี่ด้วย
ใส่กิโมโนเดินทอดน่อง ญี่ปุ๊นญี่ปุ่นฝุดๆ
ใครอยากสัมผัสการใส่ชุดกิโมโน ราวกับป๋าเบิร์ดใส่กิโมโนเส้นไหมกระเรียนทองคำเดินอ้อนแอ้นอวดโฉมก็ต้องที่นี่เลยจ้า ที่เมืองคิตสึกิ เพราะเมืองที่นี่นอกจากจะได้กลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นแล้ว ยังสามารถที่จะเช่าชุดกิโมโนมาใส่เดินภายในเมืองได้ด้วย เป็นกิโมโนแบบเต็มสูบ กว่าจะใส่ได้ทั้งชุดนี่โดนมัดเป็นแหนมไม่รู้กี่ชั้นต่อกี่ชั้น 555 แถมมีพร็อพมาให้แอคอาร์ตแชะเซลฟี่ได้เต็มอารมณ์ด้วยนะคุณ
เมืองแห่งนี้เขาเรียกกันว่าเมืองแห่งปราสาท เรียกได้ว่าเป็น Little Tokyo เลย มีประวัติมาตั้งแต่สมัยยุคเอโดะ (1603 - 1868) โดยอาคารบ้านเรือนไม่ได้ถูกต่อเติมอะไรมากมาย อาจจะไม่ได้ขนาดเกียวโต แต่ว่าก็เป็นเมืองที่น่ารักและเงียบสงบไม่วุ่นวาย ใส่กิโมโนเดินด้วยก็แจ่มเลยจ้า
ก็เรียกว่ามีสถานที่น่าสนใจมากมายเลยทีเดียว ใครที่อยากจะสัมผัสบรรยากาศแบบธรรมชาติๆ ความเป็นญี่ปุ่นจ๋า หลีกหนีจากความวุ่นวายในเมืองใหญ่ ขอแนะนำโออิตะเลย ซึ่งตอนนี้ก็มีบริษัททัวร์หลายที่เปิดเส้นทางให้ได้ไปเที่ยวกันแล้ว อย่างเช่น HIS ก็มีเช่นเดียวกันจ๊ะ
เกริ่นคร่าวๆ กันสักหน่อย โออิตะนั้นเป็นจังหวัดที่อยู่ทางตะวันออกเกาะคิวชู ซึ่งจังหวัดนี้เป็นจังหวัดที่มีชื่อเสียงในเรื่องของออนเซ็นอันดับต้นๆ ในญี่ปุ่น แต่ไม่ใช่จะมีแค่บ่อนํ้าพุร้อนให้แช่กันตัวเปื่อยตัวแฉะกันอย่างเดียว แต่ยังมีสถานที่เที่ยวน่าสนใจอื่นๆ อีกมากมายเลย อันนี้ต้องยอมรับว่าชาวไทยเราหลายคนยังค่อนข้างอายที่จะลงไปแช่บ่อออนเซ็น พอบอกว่าไปโออิตะก็ส่ายหัวทันทีเพราะนึกว่ามีแค่ออนเซ็นอย่างเดียว ไม่ใช่จ้าๆ เดี๋ยวเราจะพามาดูกัน อาจจะพูดถึงเรื่องออนเซ็นน้อยหน่อย เพราะมีสิ่งที่น่าสนใจอื่นๆ อยากแนะนำจริงๆ จ้า
เดินทอดน่องกับเหล่าร้านรวงมากมายที่ถนนถนนคนเดินเมืองยุฟุอิน
ประเดิมที่แรกเลยที่เมืองยุฟุอิน เมืองเล็กน่ารักที่โอบล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติอันสวยงาม ที่นี่ขอบอกว่าสาวๆ ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว เพราะว่ามีเหล่าร้านค้าน่ารักๆ เรียงรายอยู่เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะอาอาหาร, ขนม, ของที่ระลึกอีกเพียบ ทั้ง OTOP ของจังหวัดโออิตะ ลามไปถึงโทโทโระยันคุมะมง ช็อปชิมชิลแบบชิคๆ กันได้ทั้งวัน หรืออยากจะลองนั่งรถม้าชมความงามก็มีให้นั่งด้วยนะ
และใกล้ๆ กับถนนคนเดิน ก็ยังมีทะเลสาบคิรินโกะอันสวยงามและเงียบสงบ ให้สัมผัสบรรยากาศแบบธรรมชาติ ที่บอกเลยว่าหาในเมืองใหญ่ๆ ไม่ได้ เป็นเสน่ห์บ้านนอกของญี่ปุ่นเขาล่ะ ใครที่เบื่อบรรยากาศภายในเมืองอันนี้ขอแนะนำเลย
เก็บสาลี่หวานอร่อยที่สวนซาซากิ
หลายต่อหลายคนอาจจะเคยได้ไปเก็บสตรอเบอร์รี่กันมาบ้าง งั้นมาลองเก็บสาลี่กันดีกว่า ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนั้นเป็นช่วงที่สาลี่อร่อยสุดๆ ไปเลยล่ะ ซึ่งสาลี่นี่บอกเลยว่าลูกใหญ่มาก ลูกใหญ่ๆ ก็หนักถึง 1 กิโลกรัม ลูกเดียวจอดไม่ต้องแจว ใครที่ติดใจสามารถซื้อกลับบ้านกันได้ ราคาไม่แพง
มาเมะดะมาจิ เมืองเก่าแก่แห่งฮิตะ
มาเมะดะมาจิ เมืองเก่าแก่ที่มีประวัติมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยยุคเอโดะบนทางทอดยาวกว่า 400 เมตร ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างเนื่องจากเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ แต่ก็ได้ถูกบูรณะซ่อมแซมจนแทบจะสมบูรณ์ องค์รวมของสิ่งก่อสร้างยังคงความเก่าแก่และสวยงามเลยทีเดียว
ดินเนอร์บรรยากาศแจ่มกับเรือไม้ญี่ปุ่น ยากาตะบุเนะ
อันนี้เป็นของดีเลิศดีงามของเมืองฮิตะเขาเลยล่ะ กับการล่องเรือ yakatabune ซึ่งเป็นเรือไม้สไตล์ญี่ปุ่น ดินเนอร์อาหารสไตล์ญี่ปุ่น ชมบรรยาศยามเย็นอันสวยงามที่แม่นํ้า ผ่อนคลายสบายๆ เป็นอย่างมากเลยทีเดียว
อีกหนึ่งสิ่งที่ตื่นตาตื่นใจก็คือการแสดงการจับปลาแบบพื้นบ้านที่มีประวัติมายาวนานถึงหนึ่งพันปี นั่นก็คือการทำประมงโดยหารใช้นกกานํ้าในการหาปลา ซึ่งที่ญี่ปุ่นจะเรียกว่า อุไก โดยเจ้านกกานํ้าก็จะดำลงไปหาปลาให้แก่ชาวประมง ตัวไหนที่หาปลาขึ้นมาได้ก็จะให้แบ่งปลาให้กับนกตัวนั้นเป็นรางวัล
สะพานคนข้ามที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น ยูเมะ โอทสึริฮาชิ
ที่เมืองโคโคโนะเอะในจังหวัดโออิตะนั้นก็มีหนึ่งสถานที่ที่เป็นที่สุดของญี่ปุ่นให้ได้มาเที่ยวกัน ก็คือสะพาน Yume Otsurihashi เป็นสะพานคนข้ามที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น กับความสูงที่ 777 เมตร ชมธรรมชาติอันสวยงามของขุนเขาและนํ้าตกโอดากิและเมดากิราวกับได้บินอยู่บนท้องฟ้า ใครไม่ชอบความสูงอาจจะมีสั่นๆ บ้าง แต่ปลอดภัยหายห่วงไม่มีร่วงไปกินดินกินหญ้าด้านล่างแน่นอน เป็นจุดดึงดูดเหล่านักท่องเที่ยวมากมายจากทุกสารทิศ ไทย จีน ฝรั่ง หรือแม่แต่คนญี่ปุ่นเองก็มีหมด
นอกเหนือจากจะได้ข้ามสะพานกินลมชมธรรมชาติแล้วก็ยังมีร้านขายของที่ระลึกรวมถึงร้านอาหารอีกมากมาย ไม่ต้องกลัวว่าจะหิวกลางคัน
ชมวิวแสนงามที่ลานสกีคุจู
ลานสกีคุจู จุดชมวิวที่สวยงามของเมืองทาเคตะ ถึงแม้ว่าฤดูอื่นนอกจากฤดูหนาวจะไม่มีหิมะให้มาเล่นสกี แต่ก็สามารถมาชมธรรมชาติสวยได้ที่นี่ เพราะว่าในแต่ละฤดู บนเขาก็จะมีดอกไม้สวยงามมากมาย โดยทางลานสกีจะมีรถบริการพาชมดอกไม้และวิวทิวทัศน์
ดอกไม้สวยงามนานาชนิดกับสวนดอกไม้คุจูฮานะโอเอ็น
ใครที่ชอบดอกไม้สวยๆ งามๆ ต้องไม่พลาดที่นี่เลย ที่สวยดอกไม้คุจูฮานะโคเอ็นที่เมืองทาเคตะ ที่สวยนี้มีดอกไม้ถึง 500 ชนิด สลับเปลี่ยนหมุนเวียนกันให้ชมตลอดทั้งปี มาได้ทั้ง 4 ฤดู โดยเขาก็จะมีตารางบอกว่าช่วงไหนมีดอกไม้ให้ดูบ้าง จะได้เล็งกันถูกว่าชอบดอกไม้ไหนก็ไปกันช่วงนั้น และไม่ได้มีแค่เฉพาะดอกไม้ในสวนเพียงอย่างเดียว แต่ก็ยังมีดอกไม้ที่ปลูกในเรือนกระจกด้วย
เดินเล่นในเมืองทาเคตะ
เมืองเก่าแก่ที่มีสถานที่ทางประวัติศาสตร์มากมาย โดยเฉพาะวัดต่างๆ จนเรียกว่าเป็นโอเทมาจิ โดยที่นี่มีบ้านเก่าแก่ของ Taki Rentaro ศิลปินผู้โด่งดังในอดีตให้ได้ชมกัน ซึ่งเป็นบ้านสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ และไม่ได้มีการบูรณะเพิ่มเติมเลย
ออนเซ็นมีฟอง ที่ลามุเนะออนเซ็น
มาโออิตะทั้งทีถ้าไม่ได้มาเที่ยวออนเซ็นก็เหมือนมาไทยแล้วไม่ได้ไปวัดนั่นแหละ เนื่องจากในโออิตะนั้นมีออนเซ็นอยู่มากมาย จะพาไปชมแบบธรรมดาๆ มันก็กะไรอยู่ ก็เลยมาชมกับออนเซ็นที่ไม่ค่อยจะเหมือนใครที่ ลามุเนะออนเซ็น โดยออนเซ็นของที่นี่จะมีฟองเล็กๆ อยู่ภายในบ่อมากมายเหมือนกับนํ้าอัดลมอะไรประมาณนั้นซึ่งดีต่อสุขภาพผิว และด้านนอกก็รายล้อมไปด้วยธรรมชาติสไตล์บ้านนอกคอกนา
ชมวิวเมืองโออิตะจากที่สูงที่ beppu ropeway
ชมวิวทิวทัศน์อันงดงามของเมืองเบปปุ กันที่ beppu ropeway กับการนั่งกระเช้าขึ้นสู่บนยอดเขาสุรุมิ ที่มีความสูงถึง 1,375 เมตร ไม่ได้เพียงแค่เมืองเบปปุเท่านั้น รวมไปถึงภูเขายุฟุด้วย ที่นี่มีความสวยงามที่แตกต่างกันทั้ง 4 ฤดู โดยช่วงฤดูใบไม้ผลินั้นก็จะมีซากุระที่ออกดอกอย่างสวยงาม, ช่วงหน้าร้อนฟ้าโปร่งก็มีวิวสวยมองเห็นไหลไปถึงแนวเขาคุจู , ฤดูใบไม้ผลิก็มีใบไม้เปลี่ยนสีให้ได้ชมกัน ส่วนหน้าหนาวก็จะได้ชมปรากฏการณ์นํ้าแข็งเกาะอันอันสวยงาม มาช่วงไหนก็มีความสวยงามให้ได้ชมกัน
นอกเหนือจากวิวต่างๆ อันสวยงามที่มองจากที่สูง หลังจากที่เรานั่งกระเช้าไปถึงด้านบนแล้วก็จะมีศาลเจ้าซึ่งเราสามารถไปอธิษฐานขอพรได้ รวมถึงมีรูปปั้นเทพเจ้าถึง 19 องค์เลยทีเดียว เสียดายนิดนึงวันที่ไปมีหมอกลงจัด เลยไม่เห็นทิวทัศน์อันสวยงามรวมถึงเดินชมรูปปั้นเทพเจ้าองค์ต่างๆ ได้
บ่อนํ้าพุร้อนอุมิจิโกกุ
บ่อนํ้าพุร้อน 1 ใน 8 บ่อนรกที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก และเป็นของดีของเมืองเป๊บบุเขาเลยล่ะ แต่เสียดายไปได้แค่ 1 ที่เนื่องจากเวลามีจำกัดเสียเหลือเกิน ก็เลยเลือกมาที่บ่อ อุมิจิโกกุ หรือบ่อทะเลนรก ที่ภายในบ่อนั้นจะมีสีฟ้าเหมือนกับทะเล บ่อนี้ให้ชมความสวยงามกันเฉยๆ นะ แช่ไม่ได้ ลงไปนี่ต้มจนสุกเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในหมู่มวลมนุษย์กันอย่างแน่นอน มีไว้ชมเท่านั้นจ้า ซึ่งที่นี่ก็มีของขึ้นชื่อเป็นไข่ต้มออนเซ็นแล้วก็พุดดิ้งที่นึ่งด้วยความร้อนจากบ่อออนเซ็น อันนี้ขอบอกว่าอร่อยมากเลยล่ะ 55
ย่านร้านค่าเก่าแก่ โชวะโนะมาจิ
ย่านร้านค้าสุดเรโทรในเมืองบุนโกะทาคาดะ ที่มีร้านเก่าแก่อยู่เป็นจำนวนมาก เดินแล้วเหมือนได้ย้อนยุคย้อนสมัยเลย แต่ก่อนที่ย่านนี้เคยถูกทิ้งรกร้างไม่มีใครมาดูแล แต่ผู้คนในย่านนั้นก็ร่วมมือร่วมใจในการฟื้นฟูเมืองโดยสร้างบ้านอาคารให้เหมือนกับในสมัยยุคโชวะ พร้อมทั้งนำรถเก่าและอุปกรณ์เก่าอื่นๆ มาตกแต่งภายในถนนแห่งนี้ จนกลายมาเป็นถนนเทรโทรที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมากเลยล่ะ
นั่งสมาธิที่วัดฟุคุจิ
แนวเข้าวัดเข้าวาอาตมานั่งสมาธิก็มีเช่นกันที่วัดฟุคุจิในเมืองบุนโกะทาคาดะ ที่นี่เป็นวัดพุทธที่มีให้นั่งสมาธิหรือซาเซ็น กันด้วย อันนี้เวลาที่คนไทยไป ทางเจ้าอาวาสก็อาจมีประหม่าเล็กน้อย เพราะเอาจริงๆ แล้วคนไทยเคร่งพุทธกว่าเขาเยอะมาก การที่เขามาสอนคนที่เคร่งมากกว่าก็อาจจะมีเกร็งนิดๆ (จากที่สอบถาม) แต่เอาจริงๆ เขาก็จะสอนในวิถีของเขาและก็เต็มที่มากๆ คนที่ชอบนั่งสมาธิปล่อยจิตใจให้สงบก็น่าจะมาลองที่นี่ดู
ชมศาลเจ้าอุสะอันสวยงาม
ไปมาตั้งหลายที่ ยังไม่ได้เข้าวัดเข้าวาหาศาลเจ้าเลย ขอมาสักหน่อยก็แล้วกันกับศาลเจ้าอุสะ ดูเผินๆ ภายนอกเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ว่าด้านในนั้นสวยงามมากๆ และเป็นหนึ่งในสามศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น จากจำนวน 44,000 แห่ง ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 725 นอกจากความสวยงามแล้ว ที่นี่ยังมีชื่อเสียงมากในเรื่องของการขอพรเพื่อให้สมหวัง เป็นที่นิยมของเหล่านักร้องดารานักแสดงที่จะมาขอพอให้ยอดขายถึงเป้า ซึ่งก็มีศิลปินวงหนึ่งกล่าวว่าเขาสมหวังหลังจากที่มาได้ขอพรที่นี่
เก็บองุ่นไซน์มัสแคตอันเลื่องชื่อลือชา
เก็บสาลี่หร่อยลิ้นดิ้นพลาดกันไปแล้ว มาต่อกันด้วยการเก็บองุ่นกันต่อ ซึ่งองุ่นที่เด็ดหนักจนนํ้าตาไหลพรากก็เลยองุ่นเคียวโฮกับไชน์มัสแคต ซึ่งฟาร์มที่นี่เขาก็มีให้เก็บกันอย่างหลากหลายพันธุ์ แต่ฤดูนี้ไม่มีเคียวโฮ ก็เลยเลือกที่จะมาเก็บเจ้า Shine Muscat
องุ่นที่นี่บอกเลยว่าเม้ดเป้งมาก ไชน์มัสแคตพวกที่ง่อยสุดๆ อย่างน้อยก็ต้องมี 1 กิโลกรัมขึ้นไป โดยที่ฟาร์มคิดราคาที่ 1,600 เยนต่อ 1 กิโลกรัม ตกก็ประมาณ 480 บาท บอกเลยว่าถูกมากๆ บ้านเราขายพวงง่อยๆ ลูกกระติ๋วนึงยังขายกันเกือบพัน องุ่นที่นี่เขาปลูกโดยธรรมชาติ ไม่ได้ใช้สารเคมีอะไรเลย เด็ดทานกันได้ทันที นอกจากจะอร่อยแล้วยังได้ความรู้เกี่ยวกับการปลูกองุ่นของที่นี่ด้วย
ใส่กิโมโนเดินทอดน่อง ญี่ปุ๊นญี่ปุ่นฝุดๆ
ใครอยากสัมผัสการใส่ชุดกิโมโน ราวกับป๋าเบิร์ดใส่กิโมโนเส้นไหมกระเรียนทองคำเดินอ้อนแอ้นอวดโฉมก็ต้องที่นี่เลยจ้า ที่เมืองคิตสึกิ เพราะเมืองที่นี่นอกจากจะได้กลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นแล้ว ยังสามารถที่จะเช่าชุดกิโมโนมาใส่เดินภายในเมืองได้ด้วย เป็นกิโมโนแบบเต็มสูบ กว่าจะใส่ได้ทั้งชุดนี่โดนมัดเป็นแหนมไม่รู้กี่ชั้นต่อกี่ชั้น 555 แถมมีพร็อพมาให้แอคอาร์ตแชะเซลฟี่ได้เต็มอารมณ์ด้วยนะคุณ
เมืองแห่งนี้เขาเรียกกันว่าเมืองแห่งปราสาท เรียกได้ว่าเป็น Little Tokyo เลย มีประวัติมาตั้งแต่สมัยยุคเอโดะ (1603 - 1868) โดยอาคารบ้านเรือนไม่ได้ถูกต่อเติมอะไรมากมาย อาจจะไม่ได้ขนาดเกียวโต แต่ว่าก็เป็นเมืองที่น่ารักและเงียบสงบไม่วุ่นวาย ใส่กิโมโนเดินด้วยก็แจ่มเลยจ้า
ก็เรียกว่ามีสถานที่น่าสนใจมากมายเลยทีเดียว ใครที่อยากจะสัมผัสบรรยากาศแบบธรรมชาติๆ ความเป็นญี่ปุ่นจ๋า หลีกหนีจากความวุ่นวายในเมืองใหญ่ ขอแนะนำโออิตะเลย ซึ่งตอนนี้ก็มีบริษัททัวร์หลายที่เปิดเส้นทางให้ได้ไปเที่ยวกันแล้ว อย่างเช่น HIS ก็มีเช่นเดียวกันจ๊ะ