หากพูดถึงร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นแล้วล่ะก็ เพื่อนๆ คงจะนึกถึงซูซิ ซาชิมิ อาหารญี่ปุ่นยอดนิยมของคนไทย แต่ ! วันนี้พวกเรา JGBTHAI จะมาแนะนำร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์โอกินาว่า จังหวัดที่เป็นหมู่เกาะทางใต้ของญี่ปุ่น แบบไม่ต้องไปไกลถึงญี่ปุ่น
นั่นก็คือร้าน “Okinawa Kinjo” ที่เปิดให้บริการในไทยมานานถึง 14 ปี แล้วนะ ! การันตีด้วยระยะเวลาที่เปิดร้านมายาวนานขนาดนี้ แต่ยังมีลูกค้ามาใช้บริการอย่างไม่ขาดสาย ทั้งชาวไทยและชาวญี่ปุ่น วันนี้เราจะพาไปหาคำตอบเคล็ดลับความอร่อยสไตล์โอกินาว่ากัน ถ้าหากพร้อมแล้ว...ไปกันเลยยยย!
ร้าน Okinawa Kinjo ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ ในซอยสุขุมวิท 69 อยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้า BTS พระโขนง เดินต่อมาอีกประมาณ 100 เมตร จะเจอร้านอยู่ทางขวามือ
เมื่อเปิดประตูเข้าไป จะพบว่าภายในร้านมีการตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นให้บรรยากาศเรียบง่ายและอบอุ่นเหมือนได้ไปอยู่ในบ้านของชาวโอกินาว่า โดยชั้น 1 เป็นโต๊ะนั่งทานแบบปกติ ข้างผนังเต็มไปด้วยเมนูที่เขียนด้วยภาษาญี่ปุ่น โปสเตอร์ญี่ปุ่นและไฟแสงสีส้มยิ่งช่วยสร้างบรรยากาศให้นึกย้อนไปถึงภาพยนตร์ญี่ปุ่นในสมัยก่อน
ในส่วนของชั้นที่ 2 ลูกค้าต้องถอดรองเท้าวางไว้ที่ชั้นวางหน้าห้อง เมื่อเดินเข้าไปจะพบกับโซนโต๊ะญี่ปุ่นเล็ก ๆ ซึ่งชั้นนี้จะเป็นการนั่งทานบนพื้นแบบชาวญี่ปุ่น โดยจะมีหมอนรองนั่งให้ บางที่ก็จะมีเก้าอี้สำหรับนั่งพื้นโดยเฉพาะไว้รองรับด้วย เป็นพื้นที่ไม่มากแต่มีที่กั้นให้ความเป็นส่วนตัว ทานคนเดียวก็สบายใจ ทานกับครอบครัวก็อบอุ่นเหมือนอยู่ที่บ้าน ถือว่าจัดสรรปันส่วนพื้นที่ได้ดีเลยทีเดียว
ทางร้านจะเปิดเพลงสไตล์โอกินาว่าทำให้รู้สึกว่าเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโอกินาว่ายุค 60’s บวกกับสไตล์การแต่งร้านด้วยรูปภาพที่แสดงถึงวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์โอกินาว่า ถือว่าเปิดโลกเราไปพอสมควรเลย
ทีนี้ก็มาถึงไฮไลท์ของร้าน... นั่นคืออาหารสไตล์โอกินาว่า ที่คัดสรรวัตถุดิบและเครื่องปรุงส่งตรงมาจากโอกินาว่า ตามไปชมกันว่ามีอะไรบ้าง
เมนูแรกคือ เมนูโกยะ จัมปุรู หรือ มะระผัดไข่ ให้อารมณ์เหมือนมะระผัดไข่ของไทย มะระจะมีรสชาติขมเล็กน้อย แต่เป็นรสขมที่ดีมาก เมนูนี้ทางร้านใช้เกลือโอกินาว่าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ
จึงทำให้รสชาติอาหารเค็มนิด ๆ หอมปลาแห้งที่โรยหน้ามาก ๆ หมูสไลด์ชิ้นใหญ่ รวม ๆ แล้วรสชาติกลมกล่อม เมนูนี้ถ้าไปแล้วไม่สั่งถือว่าพลาดมาก! ใครไม่ทานมะระอยากให้ลองมาเปิดใจกับร้านนี้กันดูนะ มันดีมากกก(ก.ไก่ล้านตัว)
เมนูที่ 2 คือ ราฟูเต้ หรือ หมูตุ๋นโอกินาว่า แม้ภายนอกอาจจะดูแล้วเหมือนหมูพะโล้บ้านเรา แต่รสชาติกลมกล่อมและมีรายละเอียดที่ปลายลิ้นได้มากกว่า(ดีงามม๊ากกก) ทั้งรสหวาน เค็มรวมกับความมันจากไขมันของหมูที่ผสมแตกตัวเข้ากับเอนไซม์ในปากได้พอดีกัน บวกกับเนื้อหมูสามชั้นนุ่มละลายในปากเลยก็ว่าได้ ใครที่ไม่ชอบทานมันบอกเลยว่าหมูสามชั้นของคินโจคือแตกต่างสุด ๆ ถ้าได้ลองเมนูนี้คุณอาจจะต้องเปลี่ยนใจมาตกหลุมรักราฟูเต้แน่นอน
ใครกลัวเลี่ยนทางร้านก็มีมัสตาร์ดมาให้ด้วย ทานคู่กันยิ่งอร่อยเข้าไปอีก
เมนูต่อมา คือ สเต๊กเนื้อแบบโอกินาว่า ที่มาพร้อมหัวไชเท้าขูดและแครอท รสชาติซอสที่ได้ความเค็มแอบติดหวานนิด ๆ เนื้อวัวสุกประมาณ Medium-Rare ติดมันนิด ๆ เสิร์ฟบนกะทะร้อน ได้รสชาติของเนื้อหมักที่เข้ากันกับซอส บวกกับมันจากเนื้อที่ทำให้รสชาติมีรายละเอียดติดปลายลิ้นมากขึ้น หากได้ทานไปครั้งแรกรับรองเลยว่าจะหยุดไม่ได้
จะทานพร้อมกับข้าวสวยร้อน ๆ ก็เข้ากันสุด ๆ
เมนูสุดท้ายที่แนะนำ คือ โอกินาว่าโซบะ เสิร์ฟพร้อมกับหมูสามชั้นตุ๋นและลูกชิ้นปลา รสชาติน้ำซุปเข้มข้นกลมกล่อมด้วยการเคี่ยวที่ยาวนาน ซุปมีรสเค็มหน่อย ๆ ทานกับโซบะแล้วเข้ากันได้พอดี โดยเส้นโซบะของที่นี่เป็นเส้นแบน มันนิด ๆ ให้รสสัมผัสนุ่มเข้ากับกลิ่นหอมจากน้ำซุปหมูสามชั้นได้เป็นอย่างดี
หากต้องการความเผ็ดและเปรี้ยว สามารถใส่ โคเรกูดส์ ลงไปได้ ให้ความรู้สึกคล้ายพริกน้ำส้มบ้านเรา แต่ของทางร้านจะเป็นการนำพริกไปหมักกับเหล้าอาวาโมริ (เหล้ากลั่นที่มีชื่อเสียงของโอกินาว่า) นี่ก็เป็นอีกหนึ่งความแปลกใหม่ที่ทางเราได้ลิ้มลองกัน
ซึ่งปรากฏว่า โคเรกูดส์ มันเข้ากันได้ดีกับโอกินาว่าโซบะมาก เป็นรสชาติที่สามารถตัดเค็มของน้ำซุปและเข้ากันได้กับความหวานมันของหมูสามชั้นได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว แต่ต้องระวังนิดนึงนะคะ ถ้าใส่เยอะเกินไปคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่เพราะรสชาติค่อนข้างเผ็ดมาก
สรุปแล้ว รสชาติอาหารมีความแปลกใหม่แตกต่างจากอาหารญี่ปุ่นทั่วไปที่เคยทาน มีจุดเด่นในเรื่องของการเลือกใช้วัตถุดิบที่มาจากโอกินาว่าแท้ ๆ ทำให้ได้สัมผัสกับรสชาติของโอกินาว่าในบรรยากาศผ่อนคลาย ส่วนราคาก็สมเหตุสมผล ไม่แพงเกินไปทานคนเดียวก็อุ่นใจ หารกับเพื่อน ๆ ก็สบายกระเป๋า แถมยังเดินทางสะดวกใกล้กับบีทีเอสสุด ๆ
นอกจากจะนั่งทานในร้านแล้ว สำหรับใครที่ไม่สะดวกมาทานที่ร้านแล้ว ทางร้านยังมีบริการเดลิเวอร์รี่อีกด้วย สามารถสั่งได้ที่เบอร์ 089-0471456,
02-7110536 หรือจะสแกน QR CODE ของทางร้านเพื่อดูช่องทางการสั่งซื้อก็ได้จ้า
ที่ตั้ง : 24/1 ซอย สุขุมวิท 69 แขวง พระโขนงเหนือ เขตวัฒนา
วิธีการเดินทาง : นั่ง BTS สายสุขุมวิท(สายสีเขียวอ่อน) ลงที่สถานีพระโขนง ทางออกที่ 3 ลงบันไดแล้วเดินย้อนไปเข้าซอยสุขุมวิท69 เดินตรงเข้าไปในซอยประมาณ 50 เมตร จะพบกับป้ายร้านสีเหลืองขนาดใหญ่ ก็ถึงแล้วจ้า
เวลาเปิด-ปิด : วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 11.30 – 15.00 น. และ 17.00 – 23.00 น.
วันเสาร์ – อาทิตย์ เวลา 11.30 – 00.00 น.
สำหรับใครที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศมาลองทานอาหารโอกินาว่า บอกเลยว่าร้านนี้เป็นร้านที่ได้ฟีล
โอกินาว่าที่สุดแล้ว ทั้งบรรยากาศอบอุ่นเหมือนบ้านของชาวโอกินาว่า พนักงานต้อนรับน่ารัก แถมอาหารก็เรียกได้ว่าเป็นต้นตำหรับแท้ ๆ วัตถุดิบนำเข้าจากโอกินาว่า รับรองเลยว่าถูกใจนักชิมแน่นอน!
ทาง Japan Guide Book ขอบอกเลยว่าร้านนี้ โอเค๊! นัมเบอร์วันจ้า!!
นั่นก็คือร้าน “Okinawa Kinjo” ที่เปิดให้บริการในไทยมานานถึง 14 ปี แล้วนะ ! การันตีด้วยระยะเวลาที่เปิดร้านมายาวนานขนาดนี้ แต่ยังมีลูกค้ามาใช้บริการอย่างไม่ขาดสาย ทั้งชาวไทยและชาวญี่ปุ่น วันนี้เราจะพาไปหาคำตอบเคล็ดลับความอร่อยสไตล์โอกินาว่ากัน ถ้าหากพร้อมแล้ว...ไปกันเลยยยย!
ร้าน Okinawa Kinjo ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ ในซอยสุขุมวิท 69 อยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้า BTS พระโขนง เดินต่อมาอีกประมาณ 100 เมตร จะเจอร้านอยู่ทางขวามือ
เมื่อเปิดประตูเข้าไป จะพบว่าภายในร้านมีการตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นให้บรรยากาศเรียบง่ายและอบอุ่นเหมือนได้ไปอยู่ในบ้านของชาวโอกินาว่า โดยชั้น 1 เป็นโต๊ะนั่งทานแบบปกติ ข้างผนังเต็มไปด้วยเมนูที่เขียนด้วยภาษาญี่ปุ่น โปสเตอร์ญี่ปุ่นและไฟแสงสีส้มยิ่งช่วยสร้างบรรยากาศให้นึกย้อนไปถึงภาพยนตร์ญี่ปุ่นในสมัยก่อน
ในส่วนของชั้นที่ 2 ลูกค้าต้องถอดรองเท้าวางไว้ที่ชั้นวางหน้าห้อง เมื่อเดินเข้าไปจะพบกับโซนโต๊ะญี่ปุ่นเล็ก ๆ ซึ่งชั้นนี้จะเป็นการนั่งทานบนพื้นแบบชาวญี่ปุ่น โดยจะมีหมอนรองนั่งให้ บางที่ก็จะมีเก้าอี้สำหรับนั่งพื้นโดยเฉพาะไว้รองรับด้วย เป็นพื้นที่ไม่มากแต่มีที่กั้นให้ความเป็นส่วนตัว ทานคนเดียวก็สบายใจ ทานกับครอบครัวก็อบอุ่นเหมือนอยู่ที่บ้าน ถือว่าจัดสรรปันส่วนพื้นที่ได้ดีเลยทีเดียว
ทางร้านจะเปิดเพลงสไตล์โอกินาว่าทำให้รู้สึกว่าเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโอกินาว่ายุค 60’s บวกกับสไตล์การแต่งร้านด้วยรูปภาพที่แสดงถึงวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์โอกินาว่า ถือว่าเปิดโลกเราไปพอสมควรเลย
เมนูแนะนำของทางร้าน
ทีนี้ก็มาถึงไฮไลท์ของร้าน... นั่นคืออาหารสไตล์โอกินาว่า ที่คัดสรรวัตถุดิบและเครื่องปรุงส่งตรงมาจากโอกินาว่า ตามไปชมกันว่ามีอะไรบ้าง
เมนูแรกคือ เมนูโกยะ จัมปุรู หรือ มะระผัดไข่ ให้อารมณ์เหมือนมะระผัดไข่ของไทย มะระจะมีรสชาติขมเล็กน้อย แต่เป็นรสขมที่ดีมาก เมนูนี้ทางร้านใช้เกลือโอกินาว่าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ
จึงทำให้รสชาติอาหารเค็มนิด ๆ หอมปลาแห้งที่โรยหน้ามาก ๆ หมูสไลด์ชิ้นใหญ่ รวม ๆ แล้วรสชาติกลมกล่อม เมนูนี้ถ้าไปแล้วไม่สั่งถือว่าพลาดมาก! ใครไม่ทานมะระอยากให้ลองมาเปิดใจกับร้านนี้กันดูนะ มันดีมากกก(ก.ไก่ล้านตัว)
เมนูที่ 2 คือ ราฟูเต้ หรือ หมูตุ๋นโอกินาว่า แม้ภายนอกอาจจะดูแล้วเหมือนหมูพะโล้บ้านเรา แต่รสชาติกลมกล่อมและมีรายละเอียดที่ปลายลิ้นได้มากกว่า(ดีงามม๊ากกก) ทั้งรสหวาน เค็มรวมกับความมันจากไขมันของหมูที่ผสมแตกตัวเข้ากับเอนไซม์ในปากได้พอดีกัน บวกกับเนื้อหมูสามชั้นนุ่มละลายในปากเลยก็ว่าได้ ใครที่ไม่ชอบทานมันบอกเลยว่าหมูสามชั้นของคินโจคือแตกต่างสุด ๆ ถ้าได้ลองเมนูนี้คุณอาจจะต้องเปลี่ยนใจมาตกหลุมรักราฟูเต้แน่นอน
ใครกลัวเลี่ยนทางร้านก็มีมัสตาร์ดมาให้ด้วย ทานคู่กันยิ่งอร่อยเข้าไปอีก
เมนูต่อมา คือ สเต๊กเนื้อแบบโอกินาว่า ที่มาพร้อมหัวไชเท้าขูดและแครอท รสชาติซอสที่ได้ความเค็มแอบติดหวานนิด ๆ เนื้อวัวสุกประมาณ Medium-Rare ติดมันนิด ๆ เสิร์ฟบนกะทะร้อน ได้รสชาติของเนื้อหมักที่เข้ากันกับซอส บวกกับมันจากเนื้อที่ทำให้รสชาติมีรายละเอียดติดปลายลิ้นมากขึ้น หากได้ทานไปครั้งแรกรับรองเลยว่าจะหยุดไม่ได้
จะทานพร้อมกับข้าวสวยร้อน ๆ ก็เข้ากันสุด ๆ
เมนูสุดท้ายที่แนะนำ คือ โอกินาว่าโซบะ เสิร์ฟพร้อมกับหมูสามชั้นตุ๋นและลูกชิ้นปลา รสชาติน้ำซุปเข้มข้นกลมกล่อมด้วยการเคี่ยวที่ยาวนาน ซุปมีรสเค็มหน่อย ๆ ทานกับโซบะแล้วเข้ากันได้พอดี โดยเส้นโซบะของที่นี่เป็นเส้นแบน มันนิด ๆ ให้รสสัมผัสนุ่มเข้ากับกลิ่นหอมจากน้ำซุปหมูสามชั้นได้เป็นอย่างดี
หากต้องการความเผ็ดและเปรี้ยว สามารถใส่ โคเรกูดส์ ลงไปได้ ให้ความรู้สึกคล้ายพริกน้ำส้มบ้านเรา แต่ของทางร้านจะเป็นการนำพริกไปหมักกับเหล้าอาวาโมริ (เหล้ากลั่นที่มีชื่อเสียงของโอกินาว่า) นี่ก็เป็นอีกหนึ่งความแปลกใหม่ที่ทางเราได้ลิ้มลองกัน
ซึ่งปรากฏว่า โคเรกูดส์ มันเข้ากันได้ดีกับโอกินาว่าโซบะมาก เป็นรสชาติที่สามารถตัดเค็มของน้ำซุปและเข้ากันได้กับความหวานมันของหมูสามชั้นได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว แต่ต้องระวังนิดนึงนะคะ ถ้าใส่เยอะเกินไปคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่เพราะรสชาติค่อนข้างเผ็ดมาก
สรุปแล้ว รสชาติอาหารมีความแปลกใหม่แตกต่างจากอาหารญี่ปุ่นทั่วไปที่เคยทาน มีจุดเด่นในเรื่องของการเลือกใช้วัตถุดิบที่มาจากโอกินาว่าแท้ ๆ ทำให้ได้สัมผัสกับรสชาติของโอกินาว่าในบรรยากาศผ่อนคลาย ส่วนราคาก็สมเหตุสมผล ไม่แพงเกินไปทานคนเดียวก็อุ่นใจ หารกับเพื่อน ๆ ก็สบายกระเป๋า แถมยังเดินทางสะดวกใกล้กับบีทีเอสสุด ๆ
นอกจากจะนั่งทานในร้านแล้ว สำหรับใครที่ไม่สะดวกมาทานที่ร้านแล้ว ทางร้านยังมีบริการเดลิเวอร์รี่อีกด้วย สามารถสั่งได้ที่เบอร์ 089-0471456,
02-7110536 หรือจะสแกน QR CODE ของทางร้านเพื่อดูช่องทางการสั่งซื้อก็ได้จ้า
ที่ตั้ง : 24/1 ซอย สุขุมวิท 69 แขวง พระโขนงเหนือ เขตวัฒนา
วิธีการเดินทาง : นั่ง BTS สายสุขุมวิท(สายสีเขียวอ่อน) ลงที่สถานีพระโขนง ทางออกที่ 3 ลงบันไดแล้วเดินย้อนไปเข้าซอยสุขุมวิท69 เดินตรงเข้าไปในซอยประมาณ 50 เมตร จะพบกับป้ายร้านสีเหลืองขนาดใหญ่ ก็ถึงแล้วจ้า
เวลาเปิด-ปิด : วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 11.30 – 15.00 น. และ 17.00 – 23.00 น.
วันเสาร์ – อาทิตย์ เวลา 11.30 – 00.00 น.
สำหรับใครที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศมาลองทานอาหารโอกินาว่า บอกเลยว่าร้านนี้เป็นร้านที่ได้ฟีล
โอกินาว่าที่สุดแล้ว ทั้งบรรยากาศอบอุ่นเหมือนบ้านของชาวโอกินาว่า พนักงานต้อนรับน่ารัก แถมอาหารก็เรียกได้ว่าเป็นต้นตำหรับแท้ ๆ วัตถุดิบนำเข้าจากโอกินาว่า รับรองเลยว่าถูกใจนักชิมแน่นอน!
ทาง Japan Guide Book ขอบอกเลยว่าร้านนี้ โอเค๊! นัมเบอร์วันจ้า!!