หลาย ๆ คนคงเคยทานอาหารญี่ปุ่นกันมาบ้างแล้ว เชื่อหรือไม่ว่าชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าอาหารประจำชาติของเขาจะถูกปากคนต่างชาติอย่างเรา ๆ ขนาดนี้ ขนาดซูชิหรือโอนิกิริ(ข้าวปั้น) พี่ไทยยังทำขายเองเลย (555+)
แต่ทั้งซูชิและโอนิกิริ จากมุมมองของชาวต่างชาติมันก็มีส่วนที่คล้ายกันอยู่นะ อย่างการใช้ ข้าว,ครื่องปรุงและสาหร่าย ทั้งสองอย่างล้วนใส่ส่วนผสมที่คล้าย ๆ กัน ทำให้มีหลากหลายคนต่างตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความแตกต่างของมัน แต่สำหรับที่ประเทศญี่ปุ่น เหล่าผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นจะทานซูชิและโอนิกิริกันเป็นประจำ จึงทำให้คนญี่ปุ่นไม่รู้สึกว่าทั้งสองอย่างมีลักษณะที่คล้ายกัน
- มีส่วนประกอบของข้าวเหมือนกัน
- ต้องถนอมอาหารเหมือนกัน ในกรณีของซูชิจะใช้น้ำส้มสายชูและวาซาบิ ถึงแม้ว่าตอนนี้วาซาบิจะถูกมองว่าใช้เพื่อเพิ่มรสชาติ แต่เดิมทีแล้วนั้นใช้วาซาบิเพื่อถนอมอาหารเท่านั้น ส่วนในกรณีของโอนิกิริจะใช้บ๊วยเค็มที่ใช้ส่วนผสมที่มีรสเค็มเพราะว่า นอกจากจะเข้ากันได้ดีกับข้าวแล้ว มันยังสามารถยืดระยะเวลาของอาหารได้อีกด้วย และถึงแม้ว่ารสเค็มของบ๊วยจะช่วยในการถนอมอาหารได้แต่เกลือที่ต้องใส่ในการปั้นโอนิกิรินั้นดูเหมือนว่าจะไม่มีผลต่อกาถนอมอาหารเลย
- ซูชิ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “นิกิริซูชิ” ทำให้ทั้งสองอย่างมีคำว่า นิกิริทั้งคู่ (นิกิริ = ปั้น) ดั้งนั้นวิธีการทำอาหารขั้นพื้นฐาน ก็คือ “การปั้น”ด้วยมือเปล่าเหมือนกันและต้องปั้นให้แน่น ๆ (ให้นึกภาพเชฟซูชิทำท่าปั้นข้าว) ว่ากันว่าวิธีปั้นแบบนี้คือวิดีที่สุดที่จะทำให้ซูชิไม่แตกและละลายในปากอย่างนุ่มนวล
- “น้ำส้มสายชู” ใช้สำหรับข้าวซูชิและ “เกลือ” ใช้สำหรับข้าวโอนิกิริของข้าวปั้น
- ในอดีตซูชิเป็นอาหารชั้นสูง ส่วนโอนิกิริถูกจัดให้เป็นอาหารสำหรับทานที่บ้าน
- โอนิกิริพกพาได้สะดวกใกล้เคียงกับเบนโตะ และเพื่อให้ง่ายต่อการกิน จึงใส่ไส้ไว้ตรงกลาง ส่วนซูชินั้นเพราะว่าเป็นอาหารชั้นสูง จึงมีความใส่ใจในการทำออกมามากว่า ดั้งนั้นการจัดวางวัตถุดิบ การตกแต่งหน้าตาอาหารจึงมีความใส่ใจเป็นพิเศษ เช่น จิราชิซูชิ (ข้าวซูชิหน้าต่างๆ) เป็นตัวอย่างที่ดีในการตกแต่งหน้าตาอาหาร
- โอนิกิริจะเน้นที่การพกพาสะดวกใกล้เคียงกับเบนโตะ (ข้าวกล่อง) จึงใส่ใส่ไว้ตรงกลางเพื่อให้ทานได้ง่าย ส่วนซูชิจะเน้นการตกแต่งหน้าตาอาหาร เพราะว่าเป็นอาหารชั้นสูง แต่โอนิกิริไม่สามารถทานได้หมดภายในคำเดียว
ทั้งซูชิและโอนิกิริต่างเป็นตัวแทนของอาหารญี่ปุ่น แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ซูชิเริ่มมีราคาถูกลงจะเห็นได้จากราคาของซูชิเวียน ส่วนโอนิกิริมีการวางขายเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ในร้านสะดวกซื้อต่าง ๆ และด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้ค่านิยมของอาหารเริ่มเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย แต่อย่างไรก็ตามทั้งสองอย่างก็ล้วนมีการพัฒนาและสืบทอดมาจนถึงยุคสมัยปัจจุบัน
ที่มา : http://goinjapanesque.com/ja/04531/
แต่ทั้งซูชิและโอนิกิริ จากมุมมองของชาวต่างชาติมันก็มีส่วนที่คล้ายกันอยู่นะ อย่างการใช้ ข้าว,ครื่องปรุงและสาหร่าย ทั้งสองอย่างล้วนใส่ส่วนผสมที่คล้าย ๆ กัน ทำให้มีหลากหลายคนต่างตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความแตกต่างของมัน แต่สำหรับที่ประเทศญี่ปุ่น เหล่าผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นจะทานซูชิและโอนิกิริกันเป็นประจำ จึงทำให้คนญี่ปุ่นไม่รู้สึกว่าทั้งสองอย่างมีลักษณะที่คล้ายกัน
จุดที่เหมือนกัน
- มีส่วนประกอบของข้าวเหมือนกัน
- ต้องถนอมอาหารเหมือนกัน ในกรณีของซูชิจะใช้น้ำส้มสายชูและวาซาบิ ถึงแม้ว่าตอนนี้วาซาบิจะถูกมองว่าใช้เพื่อเพิ่มรสชาติ แต่เดิมทีแล้วนั้นใช้วาซาบิเพื่อถนอมอาหารเท่านั้น ส่วนในกรณีของโอนิกิริจะใช้บ๊วยเค็มที่ใช้ส่วนผสมที่มีรสเค็มเพราะว่า นอกจากจะเข้ากันได้ดีกับข้าวแล้ว มันยังสามารถยืดระยะเวลาของอาหารได้อีกด้วย และถึงแม้ว่ารสเค็มของบ๊วยจะช่วยในการถนอมอาหารได้แต่เกลือที่ต้องใส่ในการปั้นโอนิกิรินั้นดูเหมือนว่าจะไม่มีผลต่อกาถนอมอาหารเลย
- ซูชิ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “นิกิริซูชิ” ทำให้ทั้งสองอย่างมีคำว่า นิกิริทั้งคู่ (นิกิริ = ปั้น) ดั้งนั้นวิธีการทำอาหารขั้นพื้นฐาน ก็คือ “การปั้น”ด้วยมือเปล่าเหมือนกันและต้องปั้นให้แน่น ๆ (ให้นึกภาพเชฟซูชิทำท่าปั้นข้าว) ว่ากันว่าวิธีปั้นแบบนี้คือวิดีที่สุดที่จะทำให้ซูชิไม่แตกและละลายในปากอย่างนุ่มนวล
การปั้นซูชิ
จุดที่แตกต่าง
- “น้ำส้มสายชู” ใช้สำหรับข้าวซูชิและ “เกลือ” ใช้สำหรับข้าวโอนิกิริของข้าวปั้น
- ในอดีตซูชิเป็นอาหารชั้นสูง ส่วนโอนิกิริถูกจัดให้เป็นอาหารสำหรับทานที่บ้าน
- โอนิกิริพกพาได้สะดวกใกล้เคียงกับเบนโตะ และเพื่อให้ง่ายต่อการกิน จึงใส่ไส้ไว้ตรงกลาง ส่วนซูชินั้นเพราะว่าเป็นอาหารชั้นสูง จึงมีความใส่ใจในการทำออกมามากว่า ดั้งนั้นการจัดวางวัตถุดิบ การตกแต่งหน้าตาอาหารจึงมีความใส่ใจเป็นพิเศษ เช่น จิราชิซูชิ (ข้าวซูชิหน้าต่างๆ) เป็นตัวอย่างที่ดีในการตกแต่งหน้าตาอาหาร
- โอนิกิริจะเน้นที่การพกพาสะดวกใกล้เคียงกับเบนโตะ (ข้าวกล่อง) จึงใส่ใส่ไว้ตรงกลางเพื่อให้ทานได้ง่าย ส่วนซูชิจะเน้นการตกแต่งหน้าตาอาหาร เพราะว่าเป็นอาหารชั้นสูง แต่โอนิกิริไม่สามารถทานได้หมดภายในคำเดียว
ซูชิ
โอนิกิริ (ข้าวปั้น)
ทั้งซูชิและโอนิกิริต่างเป็นตัวแทนของอาหารญี่ปุ่น แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ซูชิเริ่มมีราคาถูกลงจะเห็นได้จากราคาของซูชิเวียน ส่วนโอนิกิริมีการวางขายเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ในร้านสะดวกซื้อต่าง ๆ และด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้ค่านิยมของอาหารเริ่มเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย แต่อย่างไรก็ตามทั้งสองอย่างก็ล้วนมีการพัฒนาและสืบทอดมาจนถึงยุคสมัยปัจจุบัน
ที่มา : http://goinjapanesque.com/ja/04531/