ข้าวแกงกะหรี่ไม่ใช่อาหารที่มีต้นกำเนิดในญี่ปุ่น แต่จริง ๆ แล้วต้นกำเนิดของอาหารชนิดนี้มาจากประเทศอินเดีย.. หลายปีผ่านไป แกงกะหรี่ก็ได้มีการพัฒนามาเรื่อย ๆ จนกลายเป็นอาหารยอดนิยมของคนญี่ปุ่นที่มีรูปแบบและรสชาติไม่ซ้ำใคร และกลายมาเป็นอาหารประจำชาติของญี่ปุ่นในที่สุด
ผู้คนทั่วไปต่างก็สามารถทำแกงกะหรี่รับประทานกันเองที่บ้านบ่อย ๆ โดยแกงกะหรี่ของคนญี่ปุ่นมักจะเพิ่ม แครอท มันฝรั่ง หัวหอม และเนื้อสัตว์ ลงไปในแกงกะหรี่ แล้วผสมแป้งสาลีเพื่อให้ซอสแกงกะหรี่เข้มข้นขึ้น
แกงกะหรี่ญี่ปุ่นนั้นมีต้นกำเนิดดั้งเดิมมาจากประเทศอินเดีย ย้อนไปเมื่อประมาณศตวรรษที่ 17 อินเดียเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ชาวอังกฤษที่ไปอินเดียได้รับประทาน “Kari” ซึ่งเป็นแกงของอินเดียที่ถูกปรุงรสด้วยเครื่องเทศนานาชนิด เมื่อกลับอังกฤษพวกเขาก็ได้นำเครื่องเทศของอินเดียมาปรุงอาหารและดัดแปลงสูตรจนกลายเป็นแกงกะหรี่สไตล์อังกฤษ และแพร่หลายไปทั่วอังกฤษและยุโรป ต่อมาแกงชนิดนี้ได้เป็นที่รู้จักและถูกเรียกว่า Curry มาจนถึงปัจจุบัน
ในศตวรรษที่ 18 ผงกะหรี่ก็ได้ถูกผลิตขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศอังกฤษ เนื่องจากขั้นตอนการทำแกงกะหรี่ในยุคนั้นมีขั้นตอนการทำที่ยุ่งยาก ต้องใช้ส่วนผสมของเทศต่าง ๆ มากมาย ทำให้บริษัท Close&Blackwell (C&B) ในประเทศอังกฤษได้ทำการคิดค้นผงกะหรี่ โดยผสมเครื่องเทศและแป้งสาลี เพื่อให้สามารถทำแกงกะหรี่ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
จากนั้นแกงกะหรี่ก็ได้เข้ามาในญี่ปุ่นในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 19 โดยแกงกะหรี่ได้เข้ามาในประเทศญี่ปุ่นตอนที่ญี่ปุ่นมีการลงนามสนธิสัญญาทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา - ญี่ปุ่น พ่อค้าชาวตะวันตกที่เข้ามาในญี่ปุ่นจึงได้มีการแนะนำแกงกะหรี่สไตล์อังกฤษให้กับญี่ปุ่นได้รู้จักที่ท่าเรือโยโกฮาม่า และจากนั้นแกงกะหรี่ญี่ปุ่นก็ได้ถือกำเนิดขึ้น
บริษัท S&B Food ของญี่ปุ่นได้คิดค้นก้อนแกงกะหรี่สำเร็จรูปที่เรียกว่า Curry roux และกลายเป็นแกงกะหรี่สไตล์ญี่ปุ่น สามารถทำได้ง่าย ๆ ที่บ้าน ได้รับความนิยมอย่างมากในร้านอาหาร และยังเป็นเมนูที่อยู่ในอาหารกลางวันของโรงเรียน
แกงกะหรี่ยังได้รับเลือกให้เป็นเมนูที่ดีที่สุดสำหรับอาหารกลางวันของโรงเรียนในปี 1982 และกลายเป็นเมนูโปรดของเด็ก ๆ มากมายในญี่ปุ่น ด้วยกลิ่นหอมและรสเผ็ดร้อนของแกงกะหรี่ จึงกระตุ้นความอยากอาหารได้เป็นอย่างดี
ที่มา rikasyokudo , maff.go.jp , jpnculture.net
ผู้คนทั่วไปต่างก็สามารถทำแกงกะหรี่รับประทานกันเองที่บ้านบ่อย ๆ โดยแกงกะหรี่ของคนญี่ปุ่นมักจะเพิ่ม แครอท มันฝรั่ง หัวหอม และเนื้อสัตว์ ลงไปในแกงกะหรี่ แล้วผสมแป้งสาลีเพื่อให้ซอสแกงกะหรี่เข้มข้นขึ้น
จะเห็นได้ว่าแกงกะหรี่ดั้งเดิมของอินเดียนั้นแตกต่างจากแกงกะหรี่ของญี่ปุ่นมาก
แล้วแกงกะหรี่ของญี่ปุ่นมาจากอินเดียได้อย่างไร ?
สาเหตุที่แกงกะหรี่ของญี่ปุ่นแตกต่างจากแกงกะหรี่ของอินเดียมากนั้นเป็นเพราะว่าแกงกะหรี่ของญี่ปุ่นไม่ได้มาจากอินเดียโดยตรงนั่นเองค่ะ แต่จะมาจากประเทศอะไรนั้นไปดูกันเลย ..
ต้นกำเนิดดั้งเดิมของ “แกงกะหรี่”
แกงกะหรี่ญี่ปุ่นนั้นมีต้นกำเนิดดั้งเดิมมาจากประเทศอินเดีย ย้อนไปเมื่อประมาณศตวรรษที่ 17 อินเดียเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ชาวอังกฤษที่ไปอินเดียได้รับประทาน “Kari” ซึ่งเป็นแกงของอินเดียที่ถูกปรุงรสด้วยเครื่องเทศนานาชนิด เมื่อกลับอังกฤษพวกเขาก็ได้นำเครื่องเทศของอินเดียมาปรุงอาหารและดัดแปลงสูตรจนกลายเป็นแกงกะหรี่สไตล์อังกฤษ และแพร่หลายไปทั่วอังกฤษและยุโรป ต่อมาแกงชนิดนี้ได้เป็นที่รู้จักและถูกเรียกว่า Curry มาจนถึงปัจจุบัน
จุดเริ่มต้นของผงกะหรี่
ในศตวรรษที่ 18 ผงกะหรี่ก็ได้ถูกผลิตขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศอังกฤษ เนื่องจากขั้นตอนการทำแกงกะหรี่ในยุคนั้นมีขั้นตอนการทำที่ยุ่งยาก ต้องใช้ส่วนผสมของเทศต่าง ๆ มากมาย ทำให้บริษัท Close&Blackwell (C&B) ในประเทศอังกฤษได้ทำการคิดค้นผงกะหรี่ โดยผสมเครื่องเทศและแป้งสาลี เพื่อให้สามารถทำแกงกะหรี่ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
การกำเนิดของแกงกะหรี่สไตล์ญี่ปุ่น
จากนั้นแกงกะหรี่ก็ได้เข้ามาในญี่ปุ่นในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 19 โดยแกงกะหรี่ได้เข้ามาในประเทศญี่ปุ่นตอนที่ญี่ปุ่นมีการลงนามสนธิสัญญาทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา - ญี่ปุ่น พ่อค้าชาวตะวันตกที่เข้ามาในญี่ปุ่นจึงได้มีการแนะนำแกงกะหรี่สไตล์อังกฤษให้กับญี่ปุ่นได้รู้จักที่ท่าเรือโยโกฮาม่า และจากนั้นแกงกะหรี่ญี่ปุ่นก็ได้ถือกำเนิดขึ้น
บริษัท S&B Food ของญี่ปุ่นได้คิดค้นก้อนแกงกะหรี่สำเร็จรูปที่เรียกว่า Curry roux และกลายเป็นแกงกะหรี่สไตล์ญี่ปุ่น สามารถทำได้ง่าย ๆ ที่บ้าน ได้รับความนิยมอย่างมากในร้านอาหาร และยังเป็นเมนูที่อยู่ในอาหารกลางวันของโรงเรียน
แกงกะหรี่ยังได้รับเลือกให้เป็นเมนูที่ดีที่สุดสำหรับอาหารกลางวันของโรงเรียนในปี 1982 และกลายเป็นเมนูโปรดของเด็ก ๆ มากมายในญี่ปุ่น ด้วยกลิ่นหอมและรสเผ็ดร้อนของแกงกะหรี่ จึงกระตุ้นความอยากอาหารได้เป็นอย่างดี
ที่มา rikasyokudo , maff.go.jp , jpnculture.net
